วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คนไทยไม่ใช้ S

วันนี้ผมขอให้ความรู้กับน้อง ๆ กันจ้ะ เดี๋ยวนี้ชื่อนักเรียน นักศึกษาไทยเราใช้ป็นชื่อฝรั่งกันเยอะแยะ น้อง ๆ ลองเขียนชื่อภาษาอังกฤษของเพื่อนชื่อเจมส์ดูนะ น้องเขียน Jame ใช่ม่า ที่นี้คุณน้องลองเสริชสองเจมส์ดูนะ คนหนึ่งคือ  Jame Harden ที่เป็นนักบาสและอีกคนคือ Jame Bond พยัคย์ร้าย 007 พิมพ์แบบนี้เลยจ้ะ  Google จ้าวโลกจะพาเราไปหา James Harden กับ James Bond Wikipedia ทันที ทั้งสองคนมี S หลัง Jame นะสังเกตุไหม เอาให้สนุกกว่านั้น น้องลองเสริช James (name) ดูนะจ้ะ เราจะเจอ Wikipedia แล้วคุณน้องลากลงมาเรื่อย แล้วน้องจะเห็นว่าคนแต่ละชาติ เขาเขียนและออกเสียง James กันว่าอย่างไร มี Thai ด้วยหล่ะ เขาบอกว่าเราเขียนและออกเสียงอย่างนี้จ้ะ  เจมส์ (Jame, Cems̄̒) เขารู้ว่าเราเขียน James แบบ ไม่มี S ด้วยนะ เก่งจัง คราวนี้เวลาเราเขียนชื่อเพื่อนเราคือนายเจมส์เป็นภาษาอังกฤษเราเขียนถูกแล้วเนาะ

อีกคำที่เรามักไม่ใช้ S กันคือ Congratulation ที่ตอนจบเราเขียนป้ายกันไงละจ๊ะ เวลาเราใช้คำนี้ในฐานะของคำอุทาน หรืออวยชัยให้พรขอให้เติม S เสมอ  ใช้   Congratulations ! อย่างนี้

น้อง ๆ ลองทำการบ้านโดยไปที่ Google Translator แล้วคีย์คำว่า Congratulations, congratulations, Congratulation แล้วดูว่าเขาอธิบายความแตกต่างอย่างไรกันบ้าง จะเก่งภาษาต้องใช้การสะสมทีละเล็กละน้อยจ้า




วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิตามินซี : ยี่ห้อไหนดี

โดยปกติแล้วผมชอบให้เราใช้อาหารเป็นยาและถ้าหลีกเลี่ยงได้ผมก็จะไม่แนะนำให้คุณกินวิตามินหรืออาหารเสริมเพราะเงินทองเป็นของมีค่า  แต่สำหรับราชาแห่งวิตามินคือวิตามินซีนั้นปกติเราหาได้จากธรรมชาติในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันจ้ะ สาเหตุก็เพราะการผลิตผักและผลไม้แบบอุตสาหกรรม การขนส่งและการจัดเก็บทำให้วิตามินซีสูญสลายไปก่อนที่เราจะกินเข้าไป ดังนั้นเราก็คงจะต้องซื้อเขากิน ปัญหาหนึ่งที่นักกินวิตามินซีหน้าใหม่มักกังวลคือยี่ห้อไหนดี ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนนะจ๊ะว่าวิตามินซีสกัดมีประวัติการใช้งานมาเป็นร้อยปี และยังมีตัวอย่างของผู้ที่ใช้วิตามินซีในระดับสูงเป็นเวลานานโดยไม่มีผลข้างเคียงให้เราเห็นมากมาย แปลว่าไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ควรจะปลอดภัยและให้ประโยชน์เหมือน ๆ กัน ทีนี้คุณก็ต้องเข้าใจเพิ่มอีกนิดหนึ่งว่าวิตามินซีก็คือกรดแอสคอบิกซึ่งมีความเป็นกรดในตัวมันเอง บริษัทผู้ผลิตวิตามินซีตามท้องตลาดจึงเพิ่มลูกเล่นลงไปเช่นใส่สารสกัดจากธรรมชาติเพื่อลดความเป็นกรด ทำให้การแตกตัวเป็นไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายเราจะดูดซึมไปใช้ได้ทั้งวัน ฯลฯ ทีนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่าวิตมินซีถูกไม่ใช่ของไม่ดี และของแพงก็คือวิตามินซีสกัดบวกการใส่ลูกเล่นลงไป เวลาคุณเลือกซื้อคุณก็เลือกเอาตามกำลังทรัพย์ของคุณเลยจ้ะ คุณอาจจะกินขององค์การเภสัช 500 มิลลิกัมครั้งละหนึ่งเม็ดหลังอาหารเช้าเย็น กินแบล็คมอร์หรือเมก้าหรือยี่ห้ออื่น ๆ 1000 มิลลิกรัมหลังอาหารครั้งเดียวเลยก็ได้ ดีสุดก็หลังอาหารเช้า แต่ผมว่ามื้อไหนก็ได้ที่เราสะดวก เราใช้วิตามินเพื่อป้องกันโรค บำรุงร่างกาย ไม่ได้ใช้เป็นยาจ้า

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Mt rainier อเมริกา

สวัสดีวันอาทิตย์ทุก ๆ ท่านจ้ะ ในฐานะที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แสนพิเศษ ผมขอนำรูปของนักเขียนร่วมคือท่าน Adventure มานำเสนอให้คุณ ๆ ผ่อนคลายกันวันนี้จ้า



Location : Mt rainier Oregon USA














Location : Rip Tide Dr Cloverdale Oregon USA ทะเลแปซิฟิค ซ้ายสุดของอเมริกา





วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิตามินซี : กินเท่าไหร่ดี

ตอนที่แล้วผมอ้างถึงจ้าวโลกอเมริกาว่าท่านแนะนำการรับประทานวิตามินซีไว้ที่ 120 มิลลิกรัม ผมอ้างมาจาก National Institutes of Health (NIH)แต่ในเว็บเดียวกันนั้นก็บอกว่าผู้ใหญ่โดยปกติก็สามารถรับประทานได้ถึง 2000  มิลลิกรัม และถ้าอ้างไปถึงคลีนิกชื่อดังอย่างเมโยคลีนิก ขนาดของวิตามินซีที่ให้ตามแต่วัตถุประสงค์ยังมากน้อยแตกต่างกันจ้ะ  ถ้าอ้างถึงเจ้าของรางวัลโนเบลอีกท่านคือ ดร. ไลนัส พอลลิ่ง ที่ทานวิตามินซีในระดับสูงมาก ๆและไปเสียชีวิตที่อายุ 90 กว่า ๆ คุณก็ควรจะรับประทานมากกว่าที่ NIH แนะนำได้โดยปลอดภัยจ้ะ โดยปกติถ้าคุณไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไรผมขอแนะนำให้คุณใช้ที่ปริมาณ 500 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อวัน หรือ 1000 มิลลิกรัมหนึ่งเม็ดต่อวันหลังอาหาร เพราะคุณหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยขนาดรับประทานที่แนะนำนี้ควรจะทำให้ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในร่างกายคุณ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วันพอดี ๆ เราทำอะไรเราต้องวัดผลได้นะจ๊ะถ้าคุณเคยเป็นหวัดและคุณไม่เป็นหวัด หรือเป็นน้อยลง ผิวพรรณสดใสและเล็บเป็นมันเงา โดยไม่มีอาการข้างเคียงเช่นปวดท้อง ท้องเสีย คุณได้รับผลดีจากวิตามินซีเข้าไปเต็ม ๆ แล้วจ้า 

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิตามินซี : ราชาแห่งวิตามิน

เราเรียนมาตั้งแต่เป็นเด็กว่าทหารเรือหรือลูกเรือที่ออกเดินทางในทะเลเป็นเวลานานมักจะเป็นโรคลักปิดลักเปิด โดยเรื่องราวอันโด่งดังก็คราวที่ราชนาวีอังกฤษทดลองแจกส้มและมะนาวให้แก่ทหารเรือทุกวันเพื่อทดลองป้องกันโรคในปี คศ.1747 และเรื่องราวการพิสูจน์ก็ดำเนินมาอีกร่วม 50 ปีก่อนที่จะมีการยอมรับว่าส้มและมะนาวป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้จริง ผ่านมาอีก 130 กว่าปี คือปี คศ. 1932-34 ชาวโลกถึงจะเริ่มรู้จักตัวตนของวิตามินซีและสามารถสกัดออกมาในเชิงพานิชย์ได้ วิตามินซีถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและมีส่วนให้คนหลายคนได้รับรางวัลโนเบลต่างกรรมต่างวาระกัน ในบรรดาวิตามินทั้งหมดวิตามินซีทำหน้าที่ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้สมบูรณ์แบบเป็นยอดสารต้านอนุมูลอิสระ ราชาแห่งวิตามิน ที่ผมเล่าประวัติวิตามินซีมายืดยาวก็เพราะว่าเราใช้เวลาถึง 268 ปีในการทำความรู้จักกับยอดวิตามินตัวนี้ และถึงปัจจุบันนี้เราก็ยังถกเถียงกันอยู่มากมายว่าปริมาณที่ควรได้ได้รับคือเท่าไหร่ ท่านอเมริกาเจ้าโลกปัจจุบันซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์หมอเราอีกทีท่านแนะนำไว้สูงสุด 120 มิลลิกัมต่อวัน ก็เท่ากับสองเม็ดเล็ก ๆ สีส้มที่เราซื้อตามร้านขายยานั่นแหละ แต่สำหรับผมคำตอบคือเท่าไหร่ครั้งหน้าผมจะมาเฉลยจ้า


วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ไม้ชุมชน 1 : พุดน้ำบุศย์

มีอยู่พักหนึ่งที่เราเห่อศาสตร์อโรมาเธอราปีกันอย่างหนักจนน้ำมันหอมระเหยของฝรั่งขายดิบขายดี แต่ผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่กล้าใช้น้ำมันเหล่านั้นเพราะผมกลัวว่าจะเป็นสารเคมีสังเคราะห์เสียมากกว่า เมื่อไม่แน่ใจว่าอันไหนจริงอันไหนแท้ ผมขอเดินตามก้นบรรพบุรุษเราที่ใช้ดอกไม้ เครื่องหอม และสมุนไพรจากธรรมชาติมาใช้ทำให้อารมณ์สุนทรีย์จ้ะ ผมนึกถึงวันเก่า ๆ ที่ช่วยแม่นั่งคั้นน้ำใบเตย หั่นผิวมะกรูด อบขนม ร้อยพวงมาลัยและนั่งรับลมเย็น ๆ บนแคร่ไม้พร้อมกลิ่นหอมเย็นจากดอกไม้กลางคืนแล้วจึงขอชวนคุณปลูกดอกไม้กัน ดอกไม้ไทยเรามีให้เลือกมากหลายให้คุณเลือกปลูกตามความถนัด แต่วันนี้ผมขอชวนปลูกพุดน้ำบุศย์ไว้ริมรั้วเพราะดูแลง่าย ต้นสูงแค่ 2-3 เมตร ออกดอกตลอดปี กิ่งปักชำได้ จะได้เอาไว้แจกเพื่อนบ้านตามแนวคิดต้นไม้ชุมชน ผมรดน้ำวันละครั้งตอนเช้าแค่นั้นเอง กลิ่นหอมยังเผื่อแผ่เพื่อนบ้านได้อีกด้วย  กลับมาค่ำ ๆ ได้กลิ่นหอมก่อนเข้าบ้านแล้วหายเหนื่อยเลยจ้า














วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ท่องเที่ยวบ้าง

โลกปัจจุบันนี้ถูกย่อด้วยข้อมูลข่าวสารจนเหลือใบนิดเดียวแล้วจ้ะ อุตสาหกรรมการบินก็ถูกบังคับให้ลดราคามาสู้กันอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้ผมจะรักชาติและชอบเที่ยวไทยมากสักเท่าใด ผมก็ยังแนะนำให้คุณหาโอกาสไปเปิดหูเปิดตาต่างประเทศบ้าง ขอย้ำว่าบ้างนะจ๊ะ ไม่ใช่บ้าจนกระเป๋ากลวง ชีวิตเราอย่าใช้ซะเสียจนมันเสียกระบวน ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากจึงขออนุญาตนำรูปและข้อเขียนของนักเขียนร่วมในบล็อกผมคือท่าน Adventure มานำเสนอจ้า

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

24 Hours Journey to Home






สนามบินที่  Portland จะใช้น้องหมาวิ่งดมกลิ่นตรวจความปลอดภัยรอบแรก







สนามบินที่นี่ จะฝึกน้องหมาให้ขึ้นเครื่องเพื่อช่วยเหลือเจ้าของที่ ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เช่นตาบอด






รอต่อเครื่องเกาหลี ซื้อของ Duty free ไม่เป็น ขนมเกาหลีไม่มีอะไร 




มารอที่ร้านวัฒนธรรมเกาหลี เค้าให้เราทดลองทำ แนะนำให้กระทรวงวัฒนธรรมของเราปรับมาใช้บ้าง






หิมะลง เครื่อง delay กระจาย


สนามบินเกาหลี เน็ตเร็วเร็วที่สุดตั้งแต่เดินทางมา ใช่ เน็ตเร็วก็นำหน้าด้านการเข้าถึงข้อมูล...จบแล้วจ้า ราตรีสวัสดิ์

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กินอาหารง่าย ๆ ได้คุณค่า

ในชีวิตเร่งรีบแบบทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่ามนุษย์เมืองกลายเป็นมนุษย์ผัดกระเพรา มนุษย์ข้าวมันไก่มากขึ้นไปทุกวัน ๆ อาหารไทยเราที่เราโฆษนาให้ฝรั่งรู้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพนั้นถูกตัดทอนออกจากชีวิตเราไปเรื่อย ๆ  ผมจึงขอนำเสนออาหารหรือส่วนผสมในอาหารที่เราควรกินเป็นประจำมาให้คุณ ๆ พิจารณาจ้ะ
1. ไข่ 2. ผักหรือผลไม้ 3. ถั่ว 4. ปลา หรือ งา 5. สมุนไพรและเครื่องเทศ ผมลองจัดให้คุณดูสักวันนะจ๊ะ

เช้า                  - ไข่ลวกโรยพริกไทยดำ กล้วยน้ำว้าสองลูก (สุดเฮลธตี้เลยหล่ะ)
เบรกสิบโมง    - ถั่วพิทาชิโอ้ 5 เม็ด (กินมากไปทั้งแพงทั้งอ้วน) 
กลางวัน          - ข้าวคะน้าหมูกรอบ หรือปลาดุกผัดเผ็ด (อย่าลืมโรยพริกน้ำปลามะนาวกระเทียมนะ)
เบรกบ่ายสาม  - กาแฟโรยผงอบเชย (อย่าใส่ไอ้วายร้ายครีมเทียมหล่ะ ใช้ตัวที่ร้ายน้อยกว่าคือนมแทนจ้ะ)
เย็น                 - ส้มตำข้าวโพด หรือสลัดโรยงา หรือก๊วยเตี๋ยวลุยสวน (วู้...เราไม่ต้องไปหาหมอแล้ว)

วันอื่น ๆ คุณก็จัดเองได้เต็มที่เลยจ้ะ


หมายเหตุ - ผัดกะเพรากับข้าวมันไก่ไม่ใช่ไม่ดีนะจ๊ะ แต่เราไม่ควรกินซ้ำ ๆ ทุกวันเท่านั้นเองจ้า  

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เมื่อฝรั่งไม่รู้จักฟุตซอล

ตอนที่แล้วผมเล่าให้ฟังเรื่องคนไทยเราเข้าใจฟุตบอลในความหมายของอเมริกันชนผิด ตอนนี้ผมขอเล่าศัพท์ที่คนอเมริกันบางคนก็ไม่รู้กันบ้างจ้ะ คุณ ๆ ต้องเข้าใจเรื่องภาษากันก่อนนะจ๊ะภาษาที่เป็นภาษาคนเราทุกคนย่อมเรียนรู้ได้ และถึงแม้กระนั้นคำบางคำ ประโยคบางประโยคเจ้าของภาษาก็ไม่รู้หรือใช้ผิด คุณ ๆ ลองนึกดูถึงภาษาไทยที่เราใช้กันซีจ๊ะ วันนี้เขียนกันเลอะทั้งราดหน้า ลาดหน้า ผัดไท ผัดไทย ฯลฯ
 เวลาเราคุยกีฬากับคนอเมริกันผมเห็นเขาพูดคุยกันหลัก ๆ แค่ กอล์ฟ เทนนิส บาส และ (อเมริกัน) ฟุตบอลจ้ะ ผมละเบสบอลไว้เพราะเขาไม่ค่อยคุยกะเรา เขาคงเห็นว่าเราไม่ค่อยรู้เรื่อง มีครั้งหนึ่งผมถามฝรั่งอเมริกันว่ายูดูฟุตซอลไหม แกทวนอยู่ 2 ครั้งแถมผมสะกดว่า FUTSAL ให้แกอีก แกก็ยอมรับว่าไม่รู้จักจริง ๆ จ้ะ  เห็นไหมจ๊ะผมพิสูจน์แล้วว่าศัพท์บางคำฝรั่งยังไม่รู้จัก ดังนั้นคุณอย่าย่อท้อในการเรียนภาษากันนะ ภาษาเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจมนุษย์และเรียนรู้โลกจ้า

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เมื่อคนไทยไม่รู้จักฟุตบอล

วันนี้ผมขอมาแนวภาษาอังกฤษง่าย ๆ ตามคอนเซปต์เรื่อย ๆ ของ My talk กันบ้าง ภาษาอังกฤษหลัก ๆ ของโลกนี้แบ่งเป็น ฺ ฺBE คือ British English และ AE คือ American English อืม..คุณคงจะถามผมต่อไปว่ามีภาษาอังกฤษรอง ๆ ด้วยเหรอ ผมก็ต้องตอบว่ามีจ้ะ ประเทศที่เขามีศัพท์ของเขาเองวิธีออกเสียงของเขาเองก็มีเยอะไป เช่น ออสเตรเเลีย แอฟริกาใต้ เอาใกล้ที่สุดคือคนไทยเราที่ประดิษฐ์คำว่า Over, Dern, Freshy ออกมาให้คนอังกฤษ กับคนอเมริกันทึ่งกันมานักต่อนัก
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีงานฉีดพลาสติกขึ้นรูปเป็นวงรี ๆ เหมือนรูปรักบี้ ฝรั่งอเมริกันเจ้าของงานเขาเรียกว่าฟุตบอลตลอดรายการที่พูด จนน้อง ๆ ต้องสะกิดถามผมว่ามันพูดฟูตบอล ๆ แล้วหนูไม่เห็นฟุตบอลซักกะลูก เขาพูดถึงอะไรคะพี่ ออ..ครับ คนไทยเรานึกถึงลูกฟุตบอลกลม ๆ ที่พี่ซิโก้เตะใช่ไหมละ แต่สำหรับคนอเมริกันแล้วฟุตบอลของเขามันคืออเมริกันฟุตบอลที่รูปรี ๆ เหมือนรักบี้จ้ะ    ส่วยฟุตบอลลูกกลม ๆ ของเรานั้นชาวอเมริกันเขาเรียก Soccer ball จ้ะ เราทำงานกับฝรั่งหลายชาติ เรียนรู้ศัพท์ง่าย ๆ ไว้บอกเพื่อน ๆ นะจ๊ะ

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จวงผัดไท

วันเสาร์ที่ผ่านมามีโอกาสตามรอยเถ้าแก่เนี้ยร้านทองที่เป็นเพื่อนกันไปกินผัดไทยแถวดิโอลสยาม ถ้าตั้งต้นจากดิโอลสยาม แล้วเสริชหาจากกูเกิ้ลแมพด้วยคำว่าผัดไทยเราจะหาร้านไม่เจอเพราะร้านผัดไทยประตูผีจะโด่งดังกว่ามาก และถ้าลองเสริชด้วยคำว่าจวงผัดไทก็จะไปเจอร้านเจ๊จวงแถวเสาชิงช้าแทน ดังนั้นขอโปรดเดินตามลายแทงโดยพลัน จากในห้างดิโอลสยามให้หาทางที่จะไปบ้านหม้อหรือหาถนนตรีเพชรให้เจอ จากนั้นข้ามถนนตรีเพชรไปแล้วเดินไปทางขวามือเรื่อยไปตามฟุตปาธ มองซ้ายมือเราเรื่อย ๆ จะเห็นธนาคารไทยพานิชย์สาขาเฉลิมกรุง เดินไปอีกหน่อยจนถึงปากซอยภานุมาศก็จะเห็นรถเข็นพร้อมเครื่องผัดไทยตั้งอยู่ปากซอย โต๊ะเขาจะเรียงรายกันไปทางด้านหลังรถเข็นดังรูป เราก็ไปนั่งรวมกับชาวบ้านเขานั่นแหละอบอุ่นดี เท่าทีผมสังเกตุร้านนี้ควรเป็นร้านปรองดองตัวอย่าง เพราะฝรั่ง แขกไทย มอร์เตอร์ไซค์รับจ้างและสาวออฟฟิศนั่งกินกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกินเสร็จก็รีบลุกออกไปให้คนอื่นนั่งแทน ที่เห็นผมเขียนผัดไทยบ้างผัดไทบ้าง เพราะชื่อร้านเขาเรียกตัวเองว่าจวงผัดไท



พอผมไปถึงเขาก็นับคนแล้วก็ผัด ๆ เอาผัดไทยมาส่งโดยไม่ต้องสั่ง ระหว่างรอผมก็ตักน้ำแข็งบริการตัวเอง น้ำดื่มน้ำแข็งฟรีครับ เอาหล่ะมาดูหน้าตาผัดไทยกัน น่ากินใช่ม่า





รสชาติพื้นฐานของเขาดีกลมกล่อม สมกับที่เป็นย่านดังหลังวังบูรพา ฯ และขวัญใจนักศึกษาเพาะช่าง แต่ในฐานะที่ผมมาจากอุตรดิตถ์หนึ่งในเมืองที่ผัดไทยรสชาติดีหาได้เต็มไปหมด ผมว่าความจัดจ้านแบบเปรี้ว หวาน เค็ม ยังไม่โดดเด่น และขาดเผ็ดอีกหน่อย เขาเหมือนจะจงใจใช้น้ำมันแต่น้อยทำให้เส้นไม่ชุ่มโชกน้ำมันบ้าพลังเหมือนร้านอาหารผัดทั่วไป อันนี้ควรนำไปเป็นตัวอย่างแก่ร้านบ้าน้ำมัน ไข่ที่ตอกก้นกะทะให้สุกพอดีก่อนกลับหงายมาด้านบนของจานให้อารมณ์ทางสายตามากยิ่งนัก (อืมม น้ำลายไหล) จานชามแก้ว สะอาดสะอ้าน เสริฟมาพร้อมถั่วงอกปลอดสาร ฯลฯ ตามภาพ บรรยากาศก็สบายแบบโลคัล แถมมีรถที่จะออกจากซอยแล่นเฉี่ยวหลังให้ตื่นเต้นเป็นระยะ ผมว่าผมอยากชวนคุณไปลองกินร้านนี้กันสักครั้งจ้ะ 



วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เปิดไฟ (เลี้ยว) กันไหม

เวลานี้โลกเรา บ้านเมืองเรามีปัญหาสารพัน ไม่เว้นแม้แต่บนท้องถนนที่ใช้ร่วมกัน ลองดูปัญหาที่เราเจอกันทุกวี่ทุกวันเช่นจอดทับเส้นทะแยงเหลือง จอดคาช่องซ้าย จอดซื้อปาท่องโก๋ แซงเส้นทึบ ฯลฯ แล้วผมะเหี่ยใจ เวลาเราชนกันถึงอีกฝ่ายทำผิดกฏหมาย ก็จะมีคนมาบอกอีกฝั่งหนึ่งไม่มีน้ำใจ วันนี้ผมอยากจะมาร้องขอน้าใจเล็ก ๆ จากคุณ ๆ ด้วยการให้ช่วยเปิดไฟเลี้ยวกันหน่อย ผมทราบจ้ะว่าบางเวลาคุณก็รีบ จึงปาดซ้วย ปาดขวา บางครั้งคันหน้าก็ขับช้าเหลือใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการให้สัญญาณไฟเลี้ยวก็ควรจะทำเพื่อให้รถคันที่ตามหลังมาประเมินสถานการณ์ได้ถูก และจะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้อีกมาก  มา ๆ เปิดๆฟเลี้ยวกัน เพียงแค่คุณปัดข้อมือเบา ๆ บ้านเราก็น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะจ้า 

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กล้วยแพงแล้วจ้า

วันนี้ไปซื้อของไหว้พระ กล้วยน้ำว้าหวีเล็ก ๆ ที่ตลาดสดเขาขายกัน 40 บาท แม่ค้าเขาแจ้งว่าตอนนี้คนหันมากินกล้วยกันเยอะ เพราะกระแสชื่นชมว่ากล้วยดีต่อสุขภาพมาแรงเหลือใจ กล้วยน้ำว้าหวีงาม ๆ บางหวีราคาวิ่งไป 50 - 70 บาทแล้วก็มี ส่วนกล้วยหอมก็แพงขึ้นไปอีก ผมในฐานะชมรมคนรักกล้วย ขอเข้าเกียร์หกเชียร์กระแสนี้สุดลิ่มทิ่มประตูเลยจ้ะ คุณ ๆ ที่คิดจะหาอาชีพทำ เห็นเทรนด์อย่างนี้ ก็ไปซื้อที่ลองปลูกกล้วยกันดูเถอะจ้ะ กล้วยขายใบ ขายหวี ขายหน่อ ขายต้น และขายหยวกได้สารพัด เขียนตรงนี้ผมคิดถึงแกงหยวกมาก ๆ  เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครรู้จักหากินยากมากแล้ว ใครที่แกงเป็นจะเชิญผมไปชิมก็ขอบอกว่ากัมเสี่ย ๆ ล่วงหน้าเลยนะจ๊ะ

หมายเหตุ Trend = เทรนด์ = แนวโน้ม,กระแส
กรุณาอย่าว่าผมดัดจริตใช้ภาษาฝรั่งเลยจ้ะ เราใช้กันเกร่อจนแทบเป็นคำไทยไปแล้ว เขียนง่ายดีจ้า 

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กล้วยแยกหวี

ผมเป็นคนชอบกินกล้วยและเชื่อในประโยชน์ของกล้วยมาก ตอนที่ Top Supermarket เริ่มเอากล้วยหอมท่ายาง เพชรบุรีแยกหวี มาเป็นแพ็ค ละ 4 ผลขายแพ็คละ 39 บาทผมก็ซื้อเขากินประจำ ส่วนคุณที่เป็นแฟนห้างอื่นอาจจะงงกับราคานิดหน่อย เพราะกล้วยแพ็ค 4 ผลเท่ากันและนำเข้าจากฟิลิปปินส์เขาขายแค่ 19 บาท แต่ถ้าคุณเป็นนักอ่านฉลาก คุณจะทราบได้ทันทีว่ากล้วยหอมท่ายาง (เกรดส่งออกญี่ปุน) เป็นการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ปราศจากเคมีและสารพิษ และดิน น้ำ อากาศเขาเหมาะสม ถึงตอนนี้ทั้งห้างใหญ่ ห้างเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อก็มีกล้วยแยกหวีแพ็คเล็ก ขายหมด เร็ว นี้ นสพ.ประชาชาติธุรกิจรายงานว่าสหกรณ์ฯท่ายางส่งกล้วยหอมจำหน่าย ผ่านเซเว่น  28,000 ลูกต่อวัน เห็นตัวเลขนี้ผมก็ดีใจว่าคนไทยไม่ทิ้งกล้วยที่เป็นผลไม้สุขภาพชั้นเลิศ เพียงอยากแต่จะเชียร์ให้คุณ บอกลูกหลานทิ้งไส้กรอกมากินกล้วยกันเพิ่มขึ้นไปอีกจ้า มา กินกล้วยกัน


วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แกงส้มดอกแคมาแว้ว

เมื่อเช้าผมฟังวิทยุ FM 99 , ป๋าแป๊ะ บอกคนใน อสมท.ไม่สบายกันเกินครึ่งเนื่องจากอากาศเปลี่ยน ผมเลยต้องงัดวิชาสุดยอดอาหารแกงส้มดอกแค (ที่เขารู้กันทั้งเมือง) และพุงปลาช่อนมาช่วยกันโฆษนา เพื่อให้คุณ ๆ ได้ใช้ป้องกันไข้หัวลมกันจ๊ะ แกงส้มดอกแคหนึ่งถ้วย จะให้คุณได้รับวิตามิน เอ บี ซี รวมทั้งพระเอกของผมโอเมก้า 3 ที่ได้จากกะปิ แถมรสขมผสมตัวยาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากดอกแค ส่วนปลาช่อนที่เป็นโปรตีนชั้นเลิศจากแผ่นดินจะทำให้คุณมีโปรตีนดี ๆ ไปเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ แต่ก็แหม แกงส้มมันเปรี้ยวนะ ขอไขมันจากพุงปลาไปสร้างความมันนิด ๆ ให้ซดแกงอร่อย ๆ ต้านความเย็น แล้วเวลาคุณหั่นปลาเป็นท่อน ๆ คุณก็ไม่ต้องเอาไส้ปลาออกนะจ๊ะ ปล่อยให้สามประสานคือเครื่องแกงส้มรวมน้ำมะขามเปียก ดอกแค และไส้ปลาทำหน้าที่สมุนไพรต้านไข้ให้คุณจ้า  

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

น้ำพริกอย่างย่อ

หลัง ๆ นี้ผมอ่านไลน์ที่คนเขาโปรโมทมะกรูด มะนาว ต้านมะเร็งแล้วก็ขำ บรรพบุรุษเราใช้มะกรูด มะนาว มะขาม หอม กระเทียม กะปิ น้ำปลา ฯลฯ มาสร้างอาหารต้านโรค แบบที่ว่า มะนาวโซดา ที่ฝรั่งเอามารายงานว่าดีนั้นเทียบไม่ได้เลยจ้ะ วันนี้จะขอใช้ศัพท์ทางการสักหน่อย น้ำพริกหนึ่งถ้วยประกอบด้วยสารสำคัญทั้งแคลเซี่ยม ฟลาวานอยด์ ไบโอฟลาวานอยด์ อัลลิซิน กรดแอสคอบิก กรดมาลิค โอเมก้า 3 แคปไซซินและอื่น ๆ อีก A ถึง Z อย่างนี้ต้องเรียกซุปเปอร์อาหารต้านโรค หรือ ซุปเปอร์แอนตี้อ๊อกซิแด้นท์แล้วหล่ะ แต่ทุกวันนี้คุณและผมไม่ได้อยู่ยุคขวัญ-เรียม คุณก็จะอ้างว่าคุณไม่มีเวลาตำน้ำพริกใช่ไหมจ๊ะ เอาหล่ะ ๆ คุณโปรดใช้รูปย่อของน้ำพริก ที่เราเรียกว่าน้ำปลาพริก คือน้ำปลา พริกขี้หนู  มะนาว กระเทียมหรือหอม มาทดแทนน้ำพริกจ้ะ อย่าเสียโอกาสต้านโรคคือกินกันแค่ พริกกับน้ำปลา อย่างทุกวันนี้ ถึงผมจะเสียใจที่น้ำพริกหลายชนิดหายไปตามวิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันแต่ได้โปรดใช้น้ำปลาพริก (รวมมะนาว กระเทียมหริอหัวหอม) มาใช้ป้องกันโรค และรักษาสุขภาพคุณจ้า

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

น้ำตาลกินได้ แต่อย่าเยอะ

ในเชิงของนักรักสุขภาพแล้วน้ำตาลทรายขาวเป็นวายร้ายอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ถึงกับเคยเขียนประมาณว่าน้ำตาล (ทรายขาว) เป็นสิ่งผิดพลาดที่มนุษย์สร้างขึ้นมา มีงานวิจัยมากมายที่บ่งบอกว่าน้ำตาลมีโทษมหาศาลและเป็นอาหารของมะเร็ง คุณกินน้ำตาลหนึ่งครั้งมันจะก่อกวนคุณไปหลายชั่วโมงเลยจ้ะ คุณลองสังเกตุตัวคุณเองนะจ๊ะว่าเวลาเราทานของหวานเข้าไปแล้วคุณอาจตาพร่า ง่วงนอน ไม่กระปรี้กระเปร่า นั่นละฤทธิ์ของน้ำตาลเขาละ ฉะนั้นจะว่าไปแล้วเราก็ควรงดน้ำตาลทรายขาวเสียให้ขาด แต่สำหรับคุณ ๆ ที่ชีวิตไม่อาจขาดความรัก อ๊ะขอโทษ ความหวาน ผมมีข่าวดีมาบอก น้ำตาลในตำราไทยและจีน นั้นมีใช้กันหลากหลายถ้าใช้เหมาะสมก็บำรุงกำลังและสุขภาพเราได้ แต่น้ำตาลที่ผมพูดถึงนี้คือน้ำตาลที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ น้ำอ้อยสด น้ำตาลสดทั้งจากงวงมะพร้าวและงวงตาล น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลปึก น้ำตาลโตนด น้ำตาลทรายแดง (แบบที่โรยเฉาก๊วย) ซึ่งทั้งหมดนี้ยังมีสารอาหารและกรดอะมิโนที่ดีต่อสุขภาพเยอะแยะจ้ะ แต่ของหวานคือของหวาน ทานได้แต่อย่าเยอะ ปรุงขนมหวานครั้งต่อไปเลิกใช้น้ำตาลทรายขาวกันไปเลยจ้า

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เอเชียทีค

หลายสัปดาห์ก่อนผมทนเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับเอเชียทีคไม่ไหว ผมเลยนั่งรถไฟฟ้าตามลายแทงไปเที่ยวเอเชียทีคจ้ะ พอลงสถานี BTS สะพานตากสินออกประตู 2 เดินออกไปที่ท่าเรือสุดท้ายเพื่อขึ้นเอเชียทีค Shuttle Boat ก็จะเจอแถวยาว ๆ ก็ต่อคิวแถวนั้นเลยไม่ต้องุนงงและสงสัย ผมเอามาเขียนไว้เพราะเห็นฝรั่งพูดกันงง ๆ  ว่าถูกแซงคิวหรืออย่างไร คือท่านั้นมันเป็นท่าเรือของโรงแรมต่างๆ ด้วย คนที่ใช้บริการเรือโรงแรมเขาก็จะไม่ต่อคิวกับเรา เขาเดินไปรอหรือขึ้นเรือโรงแรมเลยจ้ะ อย่างภาพด้านล่างคือเรือของโรงแรมเชอราตัน



พอไปถึงเอเชียทีคผมก็เที่ยวและกินเหมือนที่เขาเขียนกันตามพันทิพแหละ แต่ผมขอเพิ่มมุมของผมหน่อย คือพื้นที่ทั้งหมดของเอเชียทีคมี 72 ไร่ถ้ากลุ่ม TCC เขาให้เช่าทำโกดังสินค้าเหมือนแต่ก่อนเขาก็น่าจะมีรายได้ต่อเดือนประมาณไม่น่าเกิน 5 ล้าน แต่หลังจากจบเฟสแรกซึ่งตามข่าวเขาลงทุนไป 1,000 ล้านบาท และตอนนี้กลายเป็นมีเงินสะพัดปีละกว่า 3000 ล้านบาท ผู้พัฒนาที่ดิน ผู้ค้า สังคมและประเทศชาติได้ประโยชน์อย่างนี้ ผมขอชื่นชมจ้ะ

พอดีผมใช้กล้องมือถือถ่ายในวันฝนพรำ ภาพอาจจะไม่สวยเท่าที่ควรแต่ขอให้ถือว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนในวันสบาย ๆ สุดสัปดาห์นะจ๊ะ

















ทัศนียภาพขากลับ



วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผักชุมชน 1 : พรมมิ

        ผมโชคดีที่อยู่ในชุมชนที่ดี มีเพื่อนบ้านรักกัน และแต่ละบ้านก็จะปลูกต้นไม้เก๋ไก๋แตกต่างกันไป ผมเลยมีไอเดียเรื่องการแบ่งปันพืชผักระหว่างเพื่อนบ้านมาเล่าให้คุณฟัง และผมหวังว่าจะมีเรื่องเล่าต่อไปได้ไม่ขาดสาย อยู่เมืองไทยรักกัน ๆ จ้ะ
       ในฐานะที่ตอนนนี้จะเป็นตอนแรกที่ผมเขียนเรื่องผักชุมชน ผมขอเริ่มต้นจากสมุนไพรชื่อแปลกแต่ปลูกง่ายชื่อว่า "พรมมิ" จ้ะ มีงานมีวิจัยออกมาแล้วว่าการกินพรมมิช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ บำรุงความจำ คุณ ๆ ที่ชักจะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ บ้างเเป็นครั้งคราวเหมือนผมน่าจะปลูกไว้กินกับน้ำพริก หรือกินเป็นผักสด รสชาติก็โอเคนะ จริงๆขม แต่ถ้ากินทีละไม่มากเกินไปจะมีความซ่าปลายลิ้นเล็กน้อย อร่อยใช้ได้ (มุมรับรสของนักกินผัก) การปลูกก็แสนจะง่ายคือแค่ปักชำและให้ถึงน้ำถึงแดดแค่นี้คุณก็จะมีต้นพรมมิแจกให้เพื่อนบ้านมากมายสบายบรื๋อ เลี้ยงง่ายโตเร็วทีเดียวเชียวแหละ ดูภาพอาจกะขนาดไม่ถูก ก้านและใบเล็กกว่าแพรเซี่ยงไฮ้ มาปลูกพรมมิกันนะจ๊ะ



วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำวีซ่าอเมริกา อัพเดท Oct 2015

วันนี้ขอเลิกใช้สำนวนของคุณ ประยูรที่ผมรักมาทำรายงานพิเศษสักหนึ่งวัน พอดีมีเหตุต้องไปทำวีซ่าอเมริกาเลยค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แแต่เนื่องจากข้อมูลบางอย่างผมก็หาไม่ได้จากอินเตอร์เน็ตและผมเข้าใจว่ามีการปรับเปลี่ยนวิธีการบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยขอถือโอกาสอัพเดทและสรุปวิธีการที่ผมว่าง่ายที่สุดมาให้ในบล็อกนี้ อะไรที่เป็นเกร็ดสำคัญ ๆ ผมจะใช้ตัวสีน้ำเงินนะครับ

ขั้นตอนก่อนสัมภาษณ์

1. เตรียมมือและนิ้วทั้งสิบ - ตามที่เขียนในพันทิพเลยครับ คุณต้องถูกสแกนลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว ปัญหาที่ผมเห็นบ่อย ๆ คือสแกนไม่ค่อยติดตอนไปสัมภาษณ์ดังนั้นคุณเตรียมมือและนิ้วให้เห็นลายชัด ๆ อย่าจับของร้อนมากไปและทาโลชั่นบ่อย ๆ วันสัมภาษณ์มือคุณจะได้ชุ่มชื้นที่สุด

2. ถ่ายรูป - การกรอกฟอร์ม DS-106 นั้นต้องแนบรูปถ่ายดิจิตอลครับ ใช้มือถือดีหรือกล้อง เจ๋ง ๆ ถ่ายรูปคุณกะให้ประมาณเป็นรูป 2 x 2 นิ้ว พื้นต้องเป็นพิ้นขาวและต้องเห็นใบหูทั้ง 2 ข้าง พอได้รูปก็ลองนำไฟล์ดิจิตอลไป Test ก่อนเลยที่ https://identix.state.gov/qotw/Upload.aspx?offLwnJFx%2fOumH2xn6Soo%2f2ftITMRFrYn4rM4vhArM%2fnNqhBCkqOQNXIZGCShGc9
ถ้ารูปคุณผ่านก็เอาไฟล์ดิจิตอลที่มีไปให้ร้านถ่ายรูปอัดรูปให้ วันที่ผมไปสัมภาษณ์ถูกขอไปหนึ่งรูป เพราะภาพที่ผมอัพโหลดไปเป็นภาพที่มาจากการสแกนภาพเก่าที่ผมอัดไว้แล้ว

3. กรอกฟอร์ม DS-106 ค่อย ๆ กรอกครับ ค่อย ๆ กรอก เรากลับมาแก้ได้เสมอก่อนที่มันจะเสร็จสมบูรณ์ รายละเอียดผมขอข้ามเพราะขี้เกียจ เอ๊ย มีคนเขียนไว้เยอะแล้ว ตามนั้นเลยครับ ฟอร์ม DS-106 ที่กรอกเสร็จสมบูรณ์จะต้องมีรูปของคุณขึ้น และมี e-mail แจ้งกลับมาพร้อม ฟอร์ม DS-106 แนบมาในเมล์ ถ้าไม่มีถือว่าผิด ดูตัวล่างด้านล่างครับ



4. สร้างโปรไฟล์ - คราวนี้ลุยได้ยาวถึงการชำระค่าธรรมเนียม ถ้าคุณทำถูกคุณต้องพิมพ์ใบ Cash Deposite Instruction กับ Pay-in slip ออกมาได้ นำค่าธรรมเนียมไปชำระที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเท่านั้นนะครับ ไม่มีการจ่ายเงินใด ๆ ที่ไปรษณีย์อีกแล้ว Pin ก็ไม่ต้องซื้อแล้ว


5. พอจ่ายเสร็จก็รอไปวันรุ่งขึ้นเลย ประมาณหลังเที่ยง ก็มาล็อกอินโปรไฟล์เพื่อทำการนัดสัมภาษณ์
อันนี้ไม่มีเมล์อะไรมาบอกคุณว่าสถานทูตพร้อมให้คุณนัดแล้ว รอหนึ่งวันก็เข้าไปทำการนัดหมายตามวันเวลาที่เราสะดวก

6. ผมเลือกคิวแรก 7 โมงเช้า (ผมเข้าด่าน รปภ. 6.45 น. สัมภาษณ์เสร็จ 7.32 น.เพราะคิวสั้น คิวหลัง ๆ ก็คงช้ากว่าแหละ เพราะตอนผมออกมาแถวเริ่มยาวแล้ว)

7. จะมี e-mail แจ้ง  Appointment Confirmation กลับมา 




หลักฐานที่ต้องนำไป 

ตามพันทิพเลย จริง ๆ แล้วผมเข้าใจว่าสถานทูตรู้ประวัติเราค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าคุณโปรไฟล์ดีก็มีการทำงานเป็นหลักแหล่ง เขาไม่เรียกเอกสารอะไรเพิ่มเติมดอกครับ แต่ถ้าแบบการเงินไม่แน่น ยังไม่ทำงานก็คงถูกขอเพิ่มตามที่เขาต้องการ แต่ถ้าคุณแบบว่าไม่ชัวร์อะไรสักอย่าง เขาก็อาจไหว้และ Reject คุณได้ง่าย ๆ 

การเดินทาง 

รถไฟฟ้าลงสถานีเพลินจิต เดินไปออกประตู 2 และต่อแท๊กซี่ ดีและสะดวกครับ ถ้าจะเดินก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนนวิทยุจนกว่าจะเจอคิวยาว ๆ ไม่ต้องกลัวหลง เดินประมาณ 10 นาทีเหงื่อซึม ๆ ไกลเหมือนกันเนาะ เดินตอนขากลับดีกว่าถ้าอยากเดิน

เวลาไปถึง 

30 - 40 นาทีก่อนการสัมภาษณ์พอ


ขั้นตอนที่หน้าสถานทูต

ต่อแถวรอ เตรียมฟอร์ม DS-106 กับ Passport ไว้ครับ จะมีน้อง ๆ มาเช็คคิวและเขียนเวลาให้ที่หัวของฟอร์ม พร้อมแจกบัตรเคลือบพลาสติกสี ๆ ไว้ให้ ผมได้ บัตรเบอร์ KKK สีม่วง 


ขั้นตอนรักษาความปลอดภัย

1. ถือบัตรเคลือบพลาสติกสีที่ได้ไว้พร้อมกับบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ ตอนนี้เราก็เคลื่อนตัวตามคิวไปจนถึงปากประตู รปภ.ยื่นบัตรสีให้เพื่อเข้าไป  
2.ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่เพื่อฝากมือถือ 1 เครื่องที่เค้าเต้อร์   อย่าเอามือถือมากกว่าหนึ่งเครื่องและกระเป๋าสะพายไปนะครับ ชีวิตคุณจะยุ่งทีเดียว เท่าที่ผมเห็นเขาถือซองสีน้ำตาลไปกัน ผมแนะนำให้คุณใช้ซองพลาสติกที่มีหลาย ๆ ช่อง เพื่อใส่บัตร และเอกสารแยกกันเป็นสัดส่วนไว้ก็จะดี
3.เอาแฟ้มหรือซองที่คุณเอาไป และของในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงยกเว้นธนบัตรและเศษเหรียญออกมาใส่ในถาดเพื่อทำการสแกนโดยตัวคุณก็เดินไปหา รปภ. เพื่อทำการสแกนเหมือนในสนามบิน 
4. รับของและผลักประตูเดินเข้าส่วนในของสถานทูต

ขั้นตอนเตรียมเอกสาร

เดินไปตามทางเดินสักหน่อยจะเจอที่นั่งรอตรงสระน้ำ ถัดไปอีกนิดจะมีเค้าเต้อร์กระจก คล้าย ๆ ที่ขายตั๋วรถทัวร์ คนที่ยังไม่ถึงเวลานัดหมายก็นั่งรอ ส่วนคนที่ถึงเวลานัดแล้วก็เดินไปที่เค้าเต้อร์จัดเอกสาร จะมีเจ้าหน้าที่คนไทย 2 คนนั่งอยู่ เขาจะขอฟอร์ม DS-106 กับ Passport จัดใส่แฟ้มพลาสติกให้ ชี้ทางให้ และบอกให้เราอ่านป้ายเรื่องการจัดส่ง Passport กลับคืนให้เรา เราก็กลับหลังหันเดินตามทางเดินที่เขาชี้ ไปอ่านป้ายแล้วเดินไปที่ห้องสัมภาษณ์   มันมีเก้าอี้ดักอยู่หน้าห้องดูแล้วงงนิดหน่อย แต่เราไม่นั่งเราเข้าห้องไปเลย


ขั้นตอนสแกนลายนิ้วมือ

ในห้องนี้กงสุลกับเจ้าหน้าที่สแกนลายนิ้วมือจะอยู่รวมกัน แต่ไม่ต้องง มันจะมีสายกั้นเป็นทางเดินให้เราไปที่ช่อง 11-15 ก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่ช่องไหนว่างเขาก็จะเรียกให้ก็เดินเข้าไป  ช่องนี้เราจะถูกสแกนลายนิ้วมือทั้งหมด วางตรง ๆ ตามที่เค้าสั่งแค่นั้นละครับ ไอ้ที่เราเพียรทำให้มือขุ่มชื้นไว้ตั้งแต่ต้นมาส่งผลดีตอนนี้แล้ว จากนั้นเขาจะขอแฟ้มพลาสติกเราไป ซักถามเราเพิ่ม ขอดูเอกสารเพิ่ม หรือขอรูปเพิ่ม เจ๊คนดังก็อยู่ช่องนี้ แต่ผมว่าถ้าเราเตรียมตัวมาดี ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ

ขั้นตอนสัมภาษณ์

พอผ่านจุดข้างต้นเราก็จะกลับหลังหันไปเข้าคิวเพื่อสัมภาษณ์กับกงสุล ซึ่งทุกท่านจะพูดไทยได้อยู่แล้ว
ลุยครับลุย ตอบให้ฉาดฉาน ถ้าเขาขอพูดภาษาอังกฤษด้วยก็น่าจะดี เพราะเขาน่าจะมั่นใจแล้วว่าคุณไม่ไปตกระกำลำบากในอเมริกา ผ่านหรือไม่ผ่านก็รู้กันตรงนี้ เขาจะบอกว่าอีกกี่วัน Passport พร้อม วีซ่า จะส่งกลับไปถึงเรา ไม่ต้องไปเขียนซองส่งไปรษณีย์อะไรอีกแล้ว สวัสดีเขาแล้วเดินกลับมาตามทางเดิมเพื่อรับมือถือที่ฝากไว้ จากนั้นจะกลับบ้านหรือลั้นลาในเมืองก็เอาที่สบายใจเลยก็แล้วกัน  


Nice to meet you อเมริกา, สวัสดีครับ