วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2563
พระเมตตาทาแผ่นดิน
พระเมตตาทาแผ่นดิน
เมื่อโควิดพิชิตไทยใครหนอช่วย
ไทยไม่ม้วยเพราะพระบารมียังไม่สิ้น
สาธารณสุขสุขไทยทั้งแผ่นดิน
พระภูมินทร์สละตนจนได้มา
พระชนกนาถไม่ขาดรักยังส่งต่อ
พระชนนีไม่ย่อท้อก่อรักษา
จนคนไทยมีวิถีสนทนา
เรื่องหยูกยาข้าวปลาว่าต้องมี
เกิดความรักพิทักษ์กันทุกบ้านช่อง
คอยสอดส่องแบ่งกันกินทุกถิ่นที่
ไม่รวยมากแต่ลำบากนั้นไม่มี
ถ้าอยู่บนผืนดินนี้ที่ทำกิน
สำนึกไทยในสายใจสาธารณสุข
พระชนนีทรงบุกดอยน้อยใหญ่
พระปรมินทร์สานตามทุกยามไป
จนสำนึกคนไทยไปด้วยกัน
พระมหาภูมิพลคือล้นเกล้า
ที่รวมเอาความหลากหลายใต้ฉัตรกั้น
ให้อยู่ร่วมรวมสุขการแบ่งปัน
ทุกคืนวันรักมั่นสุดเรี่ยวแรง
ไม่มีใครบังคับให้ต้องรัก
แต่สมัครรักหมดใจไม่เคลือบแฝง
รักความดีข้างในไม่เคลือบแคลง
ทุกหนแห่งพระเมตตาทาแผ่นดิน
---นลินมณี---
๕ ธันวาคม ๒๕๖๓
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ฉันคนขาวผ่องผุดมนุษย์ขาว
กดเสรี
ฉันคนขาวผ่องผุดมนุษย์ขาว
แต่ฉันก้าวเข้าสู้เพื่อผิวสี
เพราะมีเพื่อนมากมายเป็นคนดี
ที่ผิวมีความต่างห่างไกลกัน
คนรุ่นก่อนทำผิดติดตัวมาก
ปล้นแผ่นดินเอาจากผิวต่างนั่น
คนพื้นเมืองถูกฆ่าวันต่อวัน
บรรพชนฉันปั้นเรื่องเมืองเสรี
ความอยากได้ใคร่มีมันล้นพ้น
จับมาล้นลำเรือไม่เหลือที่
นอนทับก่ายแรมเดือนตายก็มี
นับให้คนผิวสีไม่ใช่คน
มาเป็นทาสงานไร่ฝ้ายตายก็ทิ้ง
แล้วความจริงก็ปรากฎทุกแห่งหน
ว่าคนดำคนแดงที่ทุกข์ทน
ก็เหมือนตนทุกอย่างไม่ต่างเลย
แล้วคนเหลืองก็เข้าเมืองแห่งเสรี
ความเท่าเทียมเทียมเทียมนี้มีเฉลย
ว่าแท้แล้วทุกอย่างต่างลงเอย
เหมือนอย่างเคยเหยียดสีไม่มีเทียม
ประวัติศาสตร์วาดไว้ให้ย้อนนึก
ไม่รู้สึกรู้สาหรือว่าเขียม
คนยังคงกดขี่ไม่มีเจียม
ซ้ำยังเสี้ยมสอนกันให้มันพัง
เสรีภาพอาบยาพิษติดชนัก
ทิ่มปฏักกดขี่ไม่มีหวัง
รากคนขาวถูกกดขี่อย่างจริงจัง
เรื่องเบื้องหลังครั้งก่อนจนอ่อนเพลีย
คนมั่งมีเจ้าของที่ในยุโรป
ต่างก็โลภสร้างปราสาทประสาทเสีย
ความฟุ้งเฟ้อเกียรติกามมันลามเลีย
กิโยตินกินเสียศีรษะทราม
ตัดหัวทิ้งแต่รกเรื้อในเชื้อราก
คนหมู่มากยังอยากอยู่ไม่รู้ข้าม
ต่างตักตวงมือขาวยื้อยาวตาม
ใครสาวได้ใช้นามประชาธิปไตย
แต่จริงแท้มีแค่คนกระจุกหนึ่ง
จนปราสาทการค้าจึงถึงวันไหม้
เครื่องบินชนป่นปี้เพื่อสิ่งใด
ถ้าไม่ใช่ออกปล้นเป็นโจรโลก
ฉันคนขาวผ่องผุดมนุษย์ขาว
เมื่อสืบสาวก็ร้าวสุดไม่หยุดโศก
ขาวเหยียบขาวจึงอพยพมาเสี่ยงโชค
ในดินแดนอุปโลกย์โลกเสรี
---นลินมณี---
๕ มิถ6นายน ๒๕๖๓
ฉันคนขาวผ่องผุดมนุษย์ขาว
แต่ฉันก้าวเข้าสู้เพื่อผิวสี
เพราะมีเพื่อนมากมายเป็นคนดี
ที่ผิวมีความต่างห่างไกลกัน
คนรุ่นก่อนทำผิดติดตัวมาก
ปล้นแผ่นดินเอาจากผิวต่างนั่น
คนพื้นเมืองถูกฆ่าวันต่อวัน
บรรพชนฉันปั้นเรื่องเมืองเสรี
ความอยากได้ใคร่มีมันล้นพ้น
จับมาล้นลำเรือไม่เหลือที่
นอนทับก่ายแรมเดือนตายก็มี
นับให้คนผิวสีไม่ใช่คน
มาเป็นทาสงานไร่ฝ้ายตายก็ทิ้ง
แล้วความจริงก็ปรากฎทุกแห่งหน
ว่าคนดำคนแดงที่ทุกข์ทน
ก็เหมือนตนทุกอย่างไม่ต่างเลย
แล้วคนเหลืองก็เข้าเมืองแห่งเสรี
ความเท่าเทียมเทียมเทียมนี้มีเฉลย
ว่าแท้แล้วทุกอย่างต่างลงเอย
เหมือนอย่างเคยเหยียดสีไม่มีเทียม
ประวัติศาสตร์วาดไว้ให้ย้อนนึก
ไม่รู้สึกรู้สาหรือว่าเขียม
คนยังคงกดขี่ไม่มีเจียม
ซ้ำยังเสี้ยมสอนกันให้มันพัง
เสรีภาพอาบยาพิษติดชนัก
ทิ่มปฏักกดขี่ไม่มีหวัง
รากคนขาวถูกกดขี่อย่างจริงจัง
เรื่องเบื้องหลังครั้งก่อนจนอ่อนเพลีย
คนมั่งมีเจ้าของที่ในยุโรป
ต่างก็โลภสร้างปราสาทประสาทเสีย
ความฟุ้งเฟ้อเกียรติกามมันลามเลีย
กิโยตินกินเสียศีรษะทราม
ตัดหัวทิ้งแต่รกเรื้อในเชื้อราก
คนหมู่มากยังอยากอยู่ไม่รู้ข้าม
ต่างตักตวงมือขาวยื้อยาวตาม
ใครสาวได้ใช้นามประชาธิปไตย
แต่จริงแท้มีแค่คนกระจุกหนึ่ง
จนปราสาทการค้าจึงถึงวันไหม้
เครื่องบินชนป่นปี้เพื่อสิ่งใด
ถ้าไม่ใช่ออกปล้นเป็นโจรโลก
ฉันคนขาวผ่องผุดมนุษย์ขาว
เมื่อสืบสาวก็ร้าวสุดไม่หยุดโศก
ขาวเหยียบขาวจึงอพยพมาเสี่ยงโชค
ในดินแดนอุปโลกย์โลกเสรี
---นลินมณี---
๕ มิถ6นายน ๒๕๖๓
โลกจะดีจากนี้ให้รอหน่อย
โควัว
มีชีวิตอยู่เพื่อจากจากวันนี้
อยู่เพื่อวางทุกอย่างที่เคยห่วงหวง
ใช้ชีวิตกลางเรื่องจริงอิงเรื่องลวง
ตกติดบ่วงมัดตัวมัดหัวใจ
มัดความฝันความหวังต้องยั้งคิด
เหมือนตัวติดบ่วงแร้วแล้วเลือดไหล
ประคองตัวนิ่งนิ่งชิงหายใจ
ก่อนจะไร้อากาศขาดชีวิต
อยู่ให้รอดท่ามกลางพายุข่าว
คนปากยาวยุยงลงความผิด
โกลาหลจริงหนอมากมายพิษ
ทั้งโควิดโควัวมั่วมากมี
----------------------------------------------------------------------------------------------
ตายก่อนตาย
โลกจะดีจากนี้ให้รอหน่อย
จะค่อยค่อยเขียวชุมรุมหลากหลาย
จะค่อยค่อยใสนิ่งสาดอิงทราย
จะค่อยค่อยคลายควันอันปกคลุม
โลกจะเป็นโลกนั้นที่ฝันหา
อีกไม่นานป่าช้าจะรุมสุม
แผ่แผ่นดินฝังศพกลืนกลบคลุม
และมีเพียงสาวหนุ่มคนมีแรง
เพื่อโลกงามตามนั้นมันต้องจ่าย
ยอมทิ้งกายวันนี้ที่เข้าแข่ง
เพื่อเป็นหนึ่งในเวทีที่แสดง
หยุดยื้อแย่งแซงใครไปคว้าดาว
แล้วหายใจยาวยาวเพียงเข้าออก
ปิดวาจาไม่ต้องบอกหมดใจกล่าว
ทิ้งทุกอย่างก่อนต้องทิ้งให้ใจร้าว
ตายก่อนตายหนึ่งก้าวเพื่อก้าวไป
---นลินมณี---
๒๓. พฤษภาคม. ๒๕๖๓
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ทะมึนทึมอึมครึมไกลเกินกู่
ระบาดอยู่อู่ฮั่นสั่นสยอง
เหมือนมีเสียงไกลตาฟ้าคะนอง
ครวญครืนครืนกึกก้องอยู่ไกลไกล
แล้วไม่นานข่าวล่าก็มาถี่
ที่นั่นนี่โควิดติดกันใหญ่
โรคระบาดโลกประกาศแทบขาดใจ
โลกลุกไฟประลัยกัลป์นั่นเรื่องจริง
บ้างรีบหลบจบสิ้นชีวิตหยุด
ปิดหน้าต่างพลางมุดอุดตัวดิ่ง
เป็นคนรูอยู่หลุมสุมตัวพิง
กลัวฝนเหลืองเปลืองทิ้งวิ่งลงมา
บ้างเก็บงำจำตนทนอึดอัด
รัดเข็มขัดรัดตัวกลัวฟ้าผ่า
ปิดปากเงียบเหยียบพื้นยืนขาชา
กลัวข้าศึกกระทืบม้ามาฆ่าฟัน
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ตัวสั่นเทาซบหน้าแข้งขาสั่น
หวั่นระเบิดตูมลงเป็นดงควัน
สุดหน้าหันให้มีที่หายใจ
แต่ความจริงยิ่งแย่แพ้ทางสู้
เพราะไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ไหน
สบตาคนที่รู้จักรักไว้ใจ
ก็อาจใช่ไส้ศึกให้นึกไป
ตกตระหนกอกสั่นขวัญวิตก
เหมือนลูกนกตกมหานทีใหญ่
พอรอดมาโผหากำลังใจ
แต่อ้อมกอดไม่ปลอดภัยให้พันพัว
นาทีนี้ขอมีใครก็ได้
ยื่นมือมาฉุดใจในแสงหลัว
แต่โควิดมันติดมือช่างน่ากลัว
ต้องชักมือกอดตัวตามลำพัง
คือสงครามยามยากลำบากนัก
ห่วงคนรักคิดมาน้ำตาหลั่ง
ระแวงคนรอบตัวสุดกำลัง
ไม่รู้ใครได้ฝังใครฝังใคร
---นลินมณี----
๑๙ พฤษภาคม. ๒๕๖
ระบาดอยู่อู่ฮั่นสั่นสยอง
เหมือนมีเสียงไกลตาฟ้าคะนอง
ครวญครืนครืนกึกก้องอยู่ไกลไกล
แล้วไม่นานข่าวล่าก็มาถี่
ที่นั่นนี่โควิดติดกันใหญ่
โรคระบาดโลกประกาศแทบขาดใจ
โลกลุกไฟประลัยกัลป์นั่นเรื่องจริง
บ้างรีบหลบจบสิ้นชีวิตหยุด
ปิดหน้าต่างพลางมุดอุดตัวดิ่ง
เป็นคนรูอยู่หลุมสุมตัวพิง
กลัวฝนเหลืองเปลืองทิ้งวิ่งลงมา
บ้างเก็บงำจำตนทนอึดอัด
รัดเข็มขัดรัดตัวกลัวฟ้าผ่า
ปิดปากเงียบเหยียบพื้นยืนขาชา
กลัวข้าศึกกระทืบม้ามาฆ่าฟัน
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ตัวสั่นเทาซบหน้าแข้งขาสั่น
หวั่นระเบิดตูมลงเป็นดงควัน
สุดหน้าหันให้มีที่หายใจ
แต่ความจริงยิ่งแย่แพ้ทางสู้
เพราะไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ไหน
สบตาคนที่รู้จักรักไว้ใจ
ก็อาจใช่ไส้ศึกให้นึกไป
ตกตระหนกอกสั่นขวัญวิตก
เหมือนลูกนกตกมหานทีใหญ่
พอรอดมาโผหากำลังใจ
แต่อ้อมกอดไม่ปลอดภัยให้พันพัว
นาทีนี้ขอมีใครก็ได้
ยื่นมือมาฉุดใจในแสงหลัว
แต่โควิดมันติดมือช่างน่ากลัว
ต้องชักมือกอดตัวตามลำพัง
คือสงครามยามยากลำบากนัก
ห่วงคนรักคิดมาน้ำตาหลั่ง
ระแวงคนรอบตัวสุดกำลัง
ไม่รู้ใครได้ฝังใครฝังใคร
---นลินมณี----
๑๙ พฤษภาคม. ๒๕๖
วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
จนแว่วเสียงระฆังดังกลางจิต
มองท้องฟ้าหน้าเรือนยังเหมือนเก่า
แต่ใจเราผันแปรไม่แลหลัง
ฟ้าเหมือนเดิมที่เริ่มเปลี่ยนคือการฟัง
ว่าชีวิตจะต้องตั้งรับอย่างไร
เมื่อโรคภัยตามสมัยไม่นิ่งหยุด
สุดยื้อยุดยับยั้งภัยครังใหญ่
สังคมเปลี่ยนใจคนแปรสร้างแผลใจ
แล้วชีวิตก็ไม่ใช่ชีวิต
ความอบอุ่นหนุนใจนานไปหาย
เพื่อนบ้านตายหลายบ้านประตูปิด
เคยมากมายหายวับหมู่มวลมิตร
ไม่เหมือนภาพชีวิตคิดวัยเยาว์
เสียงหัวเราะหายไปเมื่อไหร่นั่น
ใยชีวิตต้องฝ่าฟันผันเป็นเศร้า
สุขหลอกหลอกบอกให้หลงธงใจเรา
เกินคาดเดาเกินเข้าใจเกินทนทาน
ทั้งความตายทั้งการจากยากยื้อยุด
อีกความรักเมื่อต้องหยุดสุดคิดอ่าน.
ไม่สิ้นหวังแต่คว่ำขันอันตรธาน
เหมือนวันผ่านผ่านแล้วต้องเแล้วเลย
เหมือนเปลี่ยนภพจบชาติไม่อาจท้วง
ไม่อาจทวงสิ่งหวงยอมนิ่งเฉย
ละมือวางออกห่างความคุ้นเคย
ชีวิตเอยจำนนจนเกินจำ
หายใจเข้าเพื่อเอาออกแม้-ยอกอก
น้ำตาตกรินไหลใจพลิกคว่ำ
ข่มตาหลับปรับใจไห้ประจำ
วิบากกรรมใครหนอทำช่างซ้ำซ้อน
จนแว่วเสียงระฆังดังกลางจิต
หลายความคิดผิดแล้วให้แล้วก่อน
มองวันนี้แค่นี้ทีละตอน
หลับตาก่อนแล้วถอนใจให้ยาวยาว
---นลินมณี---
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓
เทพเจ้าโควิดสะกิดโลก
เทพเจ้าโควิดสะกิดโลก
เลือดชุ่มโชกมนุษยชาติผู้อาจหาญ
ยกตัวเองเบ่งบ้ามานมนาน
จึงทุกบ้านเจอโควิดสะกิดเอา
เพียงสะกิดเบาเบาเอาเบาะเบาะ
เตือนให้วางตัวเหมาะอย่าแบบเก่า
โลกมิใช่ของมนุษย์หยุดหูเบา
คราวนี้เจอทักเข้าให้เข้าใจ
ว่าคือผู้อาศัยในโลกนี้
ต้องทำตัวดีดีอย่าเป็นใหญ่
ต้องเจียมตัวแบ่งปันให้พงไพร
แก่ฝูงสัตว์น้อยใหญ่ได้ร่วมวง
อีกทั้งมวลต้นไม้ที่หลายหลาก
ควรคืนที่ให้ฝากหยั่งรากหลง
ลงเนื้อดินโดยเสรีที่ใจจง
เป็นป่าดงดังเดิมที่เริ่มมา
เจ้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งมาอาศัย
ต้องคืนพื้นส่วนใหญ่ให้ป่าหนา
คืนมหาสมุทรสุดไกลให้หมู่ปลา
คืนท้องฟ้าให้นกกาทั้งรังคอน
ถ้าแค่มาขออาศัยจะให้อยู่
แต่ถ้ามาข่มขู่อย่างแต่ก่อน
จะรื้อโลกโยกน้ำและดินดอน
เหมือนที่เคยพร่ำสอนมาพันปี
และจะปลิดจิตตระหนี่ที่ตวงตัก
สิ่งใดรักจะควักทิ้งไปทุกที่
ดับสายพันธุ์อันทะนงลงเพียงนี้
เพื่อให้อีกสปีชีส์มีที่ทาง
---นลินมณี---
๑๒. พฤษภาคม. ๒๕๖๓
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ท่านทรงสอนให้พอเพียงเลี้ยงตัวรอด
เคยดั้นด้นฝ่าฟันไปเมืองนอก
ต้องนั่งเครื่องบินออกสู่เวหา
แอบพกพริกเครื่องแกงแกล้งใส่มา
กลัวเป็นบ้าโหยหาบ้านเมื่อนานไกล
ถ้าไปเรียนหรือทำงานบ้านฝรั่ง
คงต้องปรับตัวยั้งขังตัวใหม่
ใจต้องยอมน้อมรับบ้านเมืองไกล
ประเทศใหม่ไม่เหมือนบ้านเมืองเรา
มาวันนี้ต้องปรับตัวกลัวโควิด
ทั่วทุกทิศผิดตากว่าวันเก่า
ต้องขังตัวช่วยกันให้บรรเทา
คนเต้นเร่าไม่เอาการเปลี่ยนแปลง
ใยร้อนรนจนบ้าว่านั่นนี่
ทั้งที่อยู่บ้านนี้ใช่ใครแกล้ง
ที่ในครัวมีน้ำปลาราคาแพง
อีกเครื่องแกงของชอบขอบใจจัง
ใช่ตะลอนนอนถนนคนแปลกหน้า
ใช่ต่างชาติต่างภาษาหน้าขึงขัง
ไปทางไหนขอข้าวได้ไม่อินัง
เหนื่อยก็นั่งพักร่มไม้ใต้บารมี
ท่านทรงสอนให้พอเพียงเลี้ยงตัวรอด
ของสุดยอดแห่งชีวิตคิดดูนี่
ผักปูปลาอาหารมากมายมี
อีกคนดีมีล้นบนแผ่นดิน
ใยโวยวายว่าจะตายต้องได้อีก
เงินกระผีกหลังตู้เย็นเห็นเป็นหมิ่น
ถ้าลองวางทางพระละให้ชิน
ก็มีกินเรื่อยไปไม่อดตาย
--นลินมณี---
๙. พฤษภาคม. ๒๕๖๓
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
เมื่อโลกพักเยกโยกมาหยุดนิ่ง
สรรพสิ่งจึงไหวติงแค่รู้ไหว
ที่เคยวุ่นวอกแวกก็แตกไป
ที่เคยให้ค่าแพงลงแดงตาย
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
สิ้นสุขโศกแบบเก่าให้เบาหาย
ปลิดใบร่วงหมดช่วงในยุคปลาย
หมดความหมายหลายหมายที่หมายตา
กลับมาอยู่นิ่งเงียบเรียบเรียบตอบ
เป็นทางชอบชีวิตจิตสง่า
หายใจลึกนึกดีมีปัญญา
กินแค่พอรู้ค่าว่าได้กิน
พูดแค่พอรู้จำในคำพูด
ที่กราวรูดลงแดงตะแคงดิ้น
คือจิตพล่านนานไปคงได้ชิน
นิจสินจำศีลทั้งเมืองแมน
แล้วแย้มพรายหลายคนบนโลกซ่อน
ที่เดิมซอนซุกตัวเหมือนชั่วแล่น
แต่แท้คือชีวิตติดคำแคลน
ก็ฉายตัวทั่วแดนถ้าแม้นมี
ที่เคยผิดติดดินกินโป่งป่า
ก็พ้นคำครหาว่าคนผี
ถึงคราวอดน้ำลดหมดครั้งนี้
ปลามากมีเกินมดจะอดปลา
---นลินมณี---
๗. พฤษภาคม ๒๕๖๓
สรรพสิ่งจึงไหวติงแค่รู้ไหว
ที่เคยวุ่นวอกแวกก็แตกไป
ที่เคยให้ค่าแพงลงแดงตาย
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
สิ้นสุขโศกแบบเก่าให้เบาหาย
ปลิดใบร่วงหมดช่วงในยุคปลาย
หมดความหมายหลายหมายที่หมายตา
กลับมาอยู่นิ่งเงียบเรียบเรียบตอบ
เป็นทางชอบชีวิตจิตสง่า
หายใจลึกนึกดีมีปัญญา
กินแค่พอรู้ค่าว่าได้กิน
พูดแค่พอรู้จำในคำพูด
ที่กราวรูดลงแดงตะแคงดิ้น
คือจิตพล่านนานไปคงได้ชิน
นิจสินจำศีลทั้งเมืองแมน
แล้วแย้มพรายหลายคนบนโลกซ่อน
ที่เดิมซอนซุกตัวเหมือนชั่วแล่น
แต่แท้คือชีวิตติดคำแคลน
ก็ฉายตัวทั่วแดนถ้าแม้นมี
ที่เคยผิดติดดินกินโป่งป่า
ก็พ้นคำครหาว่าคนผี
ถึงคราวอดน้ำลดหมดครั้งนี้
ปลามากมีเกินมดจะอดปลา
---นลินมณี---
๗. พฤษภาคม ๒๕๖๓
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
คุกโควิดติดคุกต้องถูกจับ
ไม่ได้ทำใดผิดติดร่างแห
แค่หายใจทำไมต้องใช้โขลน
มาชี้หน้าว่าเป็นโจรกลุ่มโชกโชน
ถูกจับโยนข้อหาอาชญากรรม
ไม่ได้ทำใดผิดติดคุกก่อน
คืนนี้นอนซังเตตลอดค่ำ
ต้องรอผลพิพากษาความระยำ
โทษประหารอาจนำมาให้เลย
แสนเสียดายวันวานที่หวานหอม
เคยนั่งล้อมอำเช่นเล่นเฉลย
ต่อแต่นี้ไม่มีที่เคยเคย
ต้องอยู่เฉยขังเดี่ยวเบี้ยวไม่มี
คุกโควิดติดคุกต้องถูกจับ
เฝ้ามองฝานั่งนับแต่วันที่
กินอาหารกันตายที่พอมี
ถูกกักขังอย่างนี้เพราะอะไร ?
"ถึงไม่ผิดเพื่อนก็ผิดพ่อก็ผิด
ปู่ย่าผิดติดมาแต่ไหนไหน
เจ็ดชั่วโคตรผิดมาและผิดไป
จะเอาไหมให้ประหารราญสิ้นตอ ?"
" ถ้าไม่อยากหั่นเหี้ยนอย่าหือหา
ปิดวาจาบ้าบอนะร้องขอ
มือที่ทำจำไว้ล้างให้พอ
ต่อคราบบาปแต่ชั้นพ่อที่จัญไร "
ไม่มีแล้ววันเก่าเก่าเหงาใจจัง
แอบมานั่งมองฝาน้ำตาไหล
คุกจำยอมขังตนต้องทนไป
จำใส่ใจในคุณค่าเวลามี
--- นลินมณี---
๓๐. เมษายน. ๒๕๖๓
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563
อำลาคุณอาพนมเทียนด้วยอาลัย
จากหนังสือเล่มไม่หนา Allan Quatermain พนมเทียนบรรเจิดจินตนาการขั้นสูงสุดนฤมิตร รพินทร์ ไพรวัลย์ นายพรานไพรใจฉกาจของคุณหญิงดาริน ออกมาให้เป็นมรดกไทย โลกนี้มันอนิจจังและถึงเวลาของเทพกวี ถึงนลินมณีจะอาลัย แต่ผมกราบคารวะส่งเทพกวีกลับสู่สรวงสวรรค์ด้วยความรัก เพราะมันถึงแก่กาลแล้วจ้า
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดารารายปลายฟ้าช่างพาฝัน
แต้มคืนวันคนคนหนึ่งให้ซึ้งแสน
นองน้ำตากับค่ารักภักดีแดน
ต่อแผ่นดินแว่นแคว้นกว่าใจตน
จนเรื่องราวร้าวร้ายกลายเป็นร้อน
สองนครบาดหมางไม่จางผล
เพราะความรักหนักแท้แก่ใจคน
ทั้งสองพ้นลาโลกแสนโศกครวญ
ชื่อจุฬาตรีคูณฝังในจิต
สิงสถิตติดแม่น้ำที่สามสวน
เพราะความงามตามเรื่องน่าเคืองควร
ใจประมวลชังงามที่ตามตา
เกิดปัญญารู้พ้นในโลกีย์
เพราะนิยายชวนชี้เสน่หา
ได้มีใจรู้ซึ้งซึ่งน้ำตา
กับรู้ค่ารสชื่นอันรื่นรมย์
เพลิงสุดท้ายปลายเทียนยังตราตรึง
ให้ทุกครั้งคำนึงถึงรสขม
ในความรักหวานลิ้นที่ชนชม
แม้สิ้นลมพนมเทียนผู้เขียนคำ
---นลินมณี---
๒๒ เมษายน. ๒๕๖๓
อำลาคุณอาพนมเทียนด้วยอาลัย
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดารารายปลายฟ้าช่างพาฝัน
แต้มคืนวันคนคนหนึ่งให้ซึ้งแสน
นองน้ำตากับค่ารักภักดีแดน
ต่อแผ่นดินแว่นแคว้นกว่าใจตน
จนเรื่องราวร้าวร้ายกลายเป็นร้อน
สองนครบาดหมางไม่จางผล
เพราะความรักหนักแท้แก่ใจคน
ทั้งสองพ้นลาโลกแสนโศกครวญ
ชื่อจุฬาตรีคูณฝังในจิต
สิงสถิตติดแม่น้ำที่สามสวน
เพราะความงามตามเรื่องน่าเคืองควร
ใจประมวลชังงามที่ตามตา
เกิดปัญญารู้พ้นในโลกีย์
เพราะนิยายชวนชี้เสน่หา
ได้มีใจรู้ซึ้งซึ่งน้ำตา
กับรู้ค่ารสชื่นอันรื่นรมย์
เพลิงสุดท้ายปลายเทียนยังตราตรึง
ให้ทุกครั้งคำนึงถึงรสขม
ในความรักหวานลิ้นที่ชนชม
แม้สิ้นลมพนมเทียนผู้เขียนคำ
---นลินมณี---
๒๒ เมษายน. ๒๕๖๓
อำลาคุณอาพนมเทียนด้วยอาลัย
วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563
กราบแผ่นดินถินสยามยามวิกฤติ
ไม่ค่อยได้คุยกับพี่หน่องแต่จิ๊กกลอนมาดื้อ ๆ ตามสัญญาที่เคยให้กันไว้ แก้คำผิดนิดหน่อยแค่นั้นเองจ้ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กราบแผ่นดินถินสยามยามวิกฤติ
ผืนดินทองยังผลิตอาหารหมู่
ผักพื้นบ้านหลากย่านเถาเกินเรารู้
ล้วนกินได้มากมายครูผู้ปัญญา
ปัญญายิ่งจริงถือคืออาหาร
ถึงเรือนชานจัดสำรับคับค้อนหา
เป็นธรรมเนียมเจียมใจแต่ไหนมา
ยกน้ำท่ามาให้ใส่ใจดู
จึงกราบย่าตาทวดบรรพชน
ที่ยอมตายพลีตนปกป้องสู้
เอาตรงนี้ที่ตรงนี้เหมือนท่านรู้
ว่าเหมาะแก่การอยู่อย่างพอดี
มีทะเลมั่งคั่งสองฝั่งกว้าง
มีดินนาป่ายางอย่างเต็มที่
ผลไม้หอมหวานล้วนนานมี
ตลอดปีมีเผือกมันอันอุดม
กราบตีนปู่ตาย่ายายเทียดทวด
ที่คอยกวดกำชับสำรับสม
ให้จดจำการทำกินทุกถิ่นชม
ว่าครัวโลกนิยมขมเป็นยา
กราบแผ่นดินถิ่นนี้ที่อากาศ
แสนสบายทั้งชาติไม่พลาดท่า
ร้อนอุ่นเย็นพอดีตลอดมา
มีแดดกล้าฆ่าเชื้อเพื่อเมืองแมน
เมื่อโควิดพิชิตโลกโยกเมืองล่ม
นครจมล้มหายตายหมื่นแสน
แผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่แก้เกมแทน
ปกลูกหลานหวงแหนแม้นตัวตาย
แม้ยายย่าลาไกลในผงฝุ่น
แต่บุญคุญยังแผ่อุ่นหนุนเป็นสาย
มรดกดินที่ให้ได้เพริดพราย
แผ่นดินฉายแสงทองปกป้องเรา
---นลินมณี---
๑๙เมษายน ๒๕๖๓
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กราบแผ่นดินถินสยามยามวิกฤติ
ผืนดินทองยังผลิตอาหารหมู่
ผักพื้นบ้านหลากย่านเถาเกินเรารู้
ล้วนกินได้มากมายครูผู้ปัญญา
ปัญญายิ่งจริงถือคืออาหาร
ถึงเรือนชานจัดสำรับคับค้อนหา
เป็นธรรมเนียมเจียมใจแต่ไหนมา
ยกน้ำท่ามาให้ใส่ใจดู
จึงกราบย่าตาทวดบรรพชน
ที่ยอมตายพลีตนปกป้องสู้
เอาตรงนี้ที่ตรงนี้เหมือนท่านรู้
ว่าเหมาะแก่การอยู่อย่างพอดี
มีทะเลมั่งคั่งสองฝั่งกว้าง
มีดินนาป่ายางอย่างเต็มที่
ผลไม้หอมหวานล้วนนานมี
ตลอดปีมีเผือกมันอันอุดม
กราบตีนปู่ตาย่ายายเทียดทวด
ที่คอยกวดกำชับสำรับสม
ให้จดจำการทำกินทุกถิ่นชม
ว่าครัวโลกนิยมขมเป็นยา
กราบแผ่นดินถิ่นนี้ที่อากาศ
แสนสบายทั้งชาติไม่พลาดท่า
ร้อนอุ่นเย็นพอดีตลอดมา
มีแดดกล้าฆ่าเชื้อเพื่อเมืองแมน
เมื่อโควิดพิชิตโลกโยกเมืองล่ม
นครจมล้มหายตายหมื่นแสน
แผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่แก้เกมแทน
ปกลูกหลานหวงแหนแม้นตัวตาย
แม้ยายย่าลาไกลในผงฝุ่น
แต่บุญคุญยังแผ่อุ่นหนุนเป็นสาย
มรดกดินที่ให้ได้เพริดพราย
แผ่นดินฉายแสงทองปกป้องเรา
---นลินมณี---
๑๙เมษายน ๒๕๖๓
วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)