วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ทะมึนทึมอึมครึมไกลเกินกู่
ระบาดอยู่อู่ฮั่นสั่นสยอง
เหมือนมีเสียงไกลตาฟ้าคะนอง
ครวญครืนครืนกึกก้องอยู่ไกลไกล
แล้วไม่นานข่าวล่าก็มาถี่
ที่นั่นนี่โควิดติดกันใหญ่
โรคระบาดโลกประกาศแทบขาดใจ
โลกลุกไฟประลัยกัลป์นั่นเรื่องจริง
บ้างรีบหลบจบสิ้นชีวิตหยุด
ปิดหน้าต่างพลางมุดอุดตัวดิ่ง
เป็นคนรูอยู่หลุมสุมตัวพิง
กลัวฝนเหลืองเปลืองทิ้งวิ่งลงมา
บ้างเก็บงำจำตนทนอึดอัด
รัดเข็มขัดรัดตัวกลัวฟ้าผ่า
ปิดปากเงียบเหยียบพื้นยืนขาชา
กลัวข้าศึกกระทืบม้ามาฆ่าฟัน
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ตัวสั่นเทาซบหน้าแข้งขาสั่น
หวั่นระเบิดตูมลงเป็นดงควัน
สุดหน้าหันให้มีที่หายใจ
แต่ความจริงยิ่งแย่แพ้ทางสู้
เพราะไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ไหน
สบตาคนที่รู้จักรักไว้ใจ
ก็อาจใช่ไส้ศึกให้นึกไป
ตกตระหนกอกสั่นขวัญวิตก
เหมือนลูกนกตกมหานทีใหญ่
พอรอดมาโผหากำลังใจ
แต่อ้อมกอดไม่ปลอดภัยให้พันพัว
นาทีนี้ขอมีใครก็ได้
ยื่นมือมาฉุดใจในแสงหลัว
แต่โควิดมันติดมือช่างน่ากลัว
ต้องชักมือกอดตัวตามลำพัง
คือสงครามยามยากลำบากนัก
ห่วงคนรักคิดมาน้ำตาหลั่ง
ระแวงคนรอบตัวสุดกำลัง
ไม่รู้ใครได้ฝังใครฝังใคร
---นลินมณี----
๑๙ พฤษภาคม. ๒๕๖
ระบาดอยู่อู่ฮั่นสั่นสยอง
เหมือนมีเสียงไกลตาฟ้าคะนอง
ครวญครืนครืนกึกก้องอยู่ไกลไกล
แล้วไม่นานข่าวล่าก็มาถี่
ที่นั่นนี่โควิดติดกันใหญ่
โรคระบาดโลกประกาศแทบขาดใจ
โลกลุกไฟประลัยกัลป์นั่นเรื่องจริง
บ้างรีบหลบจบสิ้นชีวิตหยุด
ปิดหน้าต่างพลางมุดอุดตัวดิ่ง
เป็นคนรูอยู่หลุมสุมตัวพิง
กลัวฝนเหลืองเปลืองทิ้งวิ่งลงมา
บ้างเก็บงำจำตนทนอึดอัด
รัดเข็มขัดรัดตัวกลัวฟ้าผ่า
ปิดปากเงียบเหยียบพื้นยืนขาชา
กลัวข้าศึกกระทืบม้ามาฆ่าฟัน
ขังตัวเองยืนป้องสองมือเปล่า
ตัวสั่นเทาซบหน้าแข้งขาสั่น
หวั่นระเบิดตูมลงเป็นดงควัน
สุดหน้าหันให้มีที่หายใจ
แต่ความจริงยิ่งแย่แพ้ทางสู้
เพราะไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ไหน
สบตาคนที่รู้จักรักไว้ใจ
ก็อาจใช่ไส้ศึกให้นึกไป
ตกตระหนกอกสั่นขวัญวิตก
เหมือนลูกนกตกมหานทีใหญ่
พอรอดมาโผหากำลังใจ
แต่อ้อมกอดไม่ปลอดภัยให้พันพัว
นาทีนี้ขอมีใครก็ได้
ยื่นมือมาฉุดใจในแสงหลัว
แต่โควิดมันติดมือช่างน่ากลัว
ต้องชักมือกอดตัวตามลำพัง
คือสงครามยามยากลำบากนัก
ห่วงคนรักคิดมาน้ำตาหลั่ง
ระแวงคนรอบตัวสุดกำลัง
ไม่รู้ใครได้ฝังใครฝังใคร
---นลินมณี----
๑๙ พฤษภาคม. ๒๕๖
วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
จนแว่วเสียงระฆังดังกลางจิต
มองท้องฟ้าหน้าเรือนยังเหมือนเก่า
แต่ใจเราผันแปรไม่แลหลัง
ฟ้าเหมือนเดิมที่เริ่มเปลี่ยนคือการฟัง
ว่าชีวิตจะต้องตั้งรับอย่างไร
เมื่อโรคภัยตามสมัยไม่นิ่งหยุด
สุดยื้อยุดยับยั้งภัยครังใหญ่
สังคมเปลี่ยนใจคนแปรสร้างแผลใจ
แล้วชีวิตก็ไม่ใช่ชีวิต
ความอบอุ่นหนุนใจนานไปหาย
เพื่อนบ้านตายหลายบ้านประตูปิด
เคยมากมายหายวับหมู่มวลมิตร
ไม่เหมือนภาพชีวิตคิดวัยเยาว์
เสียงหัวเราะหายไปเมื่อไหร่นั่น
ใยชีวิตต้องฝ่าฟันผันเป็นเศร้า
สุขหลอกหลอกบอกให้หลงธงใจเรา
เกินคาดเดาเกินเข้าใจเกินทนทาน
ทั้งความตายทั้งการจากยากยื้อยุด
อีกความรักเมื่อต้องหยุดสุดคิดอ่าน.
ไม่สิ้นหวังแต่คว่ำขันอันตรธาน
เหมือนวันผ่านผ่านแล้วต้องเแล้วเลย
เหมือนเปลี่ยนภพจบชาติไม่อาจท้วง
ไม่อาจทวงสิ่งหวงยอมนิ่งเฉย
ละมือวางออกห่างความคุ้นเคย
ชีวิตเอยจำนนจนเกินจำ
หายใจเข้าเพื่อเอาออกแม้-ยอกอก
น้ำตาตกรินไหลใจพลิกคว่ำ
ข่มตาหลับปรับใจไห้ประจำ
วิบากกรรมใครหนอทำช่างซ้ำซ้อน
จนแว่วเสียงระฆังดังกลางจิต
หลายความคิดผิดแล้วให้แล้วก่อน
มองวันนี้แค่นี้ทีละตอน
หลับตาก่อนแล้วถอนใจให้ยาวยาว
---นลินมณี---
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓
เทพเจ้าโควิดสะกิดโลก
เทพเจ้าโควิดสะกิดโลก
เลือดชุ่มโชกมนุษยชาติผู้อาจหาญ
ยกตัวเองเบ่งบ้ามานมนาน
จึงทุกบ้านเจอโควิดสะกิดเอา
เพียงสะกิดเบาเบาเอาเบาะเบาะ
เตือนให้วางตัวเหมาะอย่าแบบเก่า
โลกมิใช่ของมนุษย์หยุดหูเบา
คราวนี้เจอทักเข้าให้เข้าใจ
ว่าคือผู้อาศัยในโลกนี้
ต้องทำตัวดีดีอย่าเป็นใหญ่
ต้องเจียมตัวแบ่งปันให้พงไพร
แก่ฝูงสัตว์น้อยใหญ่ได้ร่วมวง
อีกทั้งมวลต้นไม้ที่หลายหลาก
ควรคืนที่ให้ฝากหยั่งรากหลง
ลงเนื้อดินโดยเสรีที่ใจจง
เป็นป่าดงดังเดิมที่เริ่มมา
เจ้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งมาอาศัย
ต้องคืนพื้นส่วนใหญ่ให้ป่าหนา
คืนมหาสมุทรสุดไกลให้หมู่ปลา
คืนท้องฟ้าให้นกกาทั้งรังคอน
ถ้าแค่มาขออาศัยจะให้อยู่
แต่ถ้ามาข่มขู่อย่างแต่ก่อน
จะรื้อโลกโยกน้ำและดินดอน
เหมือนที่เคยพร่ำสอนมาพันปี
และจะปลิดจิตตระหนี่ที่ตวงตัก
สิ่งใดรักจะควักทิ้งไปทุกที่
ดับสายพันธุ์อันทะนงลงเพียงนี้
เพื่อให้อีกสปีชีส์มีที่ทาง
---นลินมณี---
๑๒. พฤษภาคม. ๒๕๖๓
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ท่านทรงสอนให้พอเพียงเลี้ยงตัวรอด
เคยดั้นด้นฝ่าฟันไปเมืองนอก
ต้องนั่งเครื่องบินออกสู่เวหา
แอบพกพริกเครื่องแกงแกล้งใส่มา
กลัวเป็นบ้าโหยหาบ้านเมื่อนานไกล
ถ้าไปเรียนหรือทำงานบ้านฝรั่ง
คงต้องปรับตัวยั้งขังตัวใหม่
ใจต้องยอมน้อมรับบ้านเมืองไกล
ประเทศใหม่ไม่เหมือนบ้านเมืองเรา
มาวันนี้ต้องปรับตัวกลัวโควิด
ทั่วทุกทิศผิดตากว่าวันเก่า
ต้องขังตัวช่วยกันให้บรรเทา
คนเต้นเร่าไม่เอาการเปลี่ยนแปลง
ใยร้อนรนจนบ้าว่านั่นนี่
ทั้งที่อยู่บ้านนี้ใช่ใครแกล้ง
ที่ในครัวมีน้ำปลาราคาแพง
อีกเครื่องแกงของชอบขอบใจจัง
ใช่ตะลอนนอนถนนคนแปลกหน้า
ใช่ต่างชาติต่างภาษาหน้าขึงขัง
ไปทางไหนขอข้าวได้ไม่อินัง
เหนื่อยก็นั่งพักร่มไม้ใต้บารมี
ท่านทรงสอนให้พอเพียงเลี้ยงตัวรอด
ของสุดยอดแห่งชีวิตคิดดูนี่
ผักปูปลาอาหารมากมายมี
อีกคนดีมีล้นบนแผ่นดิน
ใยโวยวายว่าจะตายต้องได้อีก
เงินกระผีกหลังตู้เย็นเห็นเป็นหมิ่น
ถ้าลองวางทางพระละให้ชิน
ก็มีกินเรื่อยไปไม่อดตาย
--นลินมณี---
๙. พฤษภาคม. ๒๕๖๓
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
เมื่อโลกพักเยกโยกมาหยุดนิ่ง
สรรพสิ่งจึงไหวติงแค่รู้ไหว
ที่เคยวุ่นวอกแวกก็แตกไป
ที่เคยให้ค่าแพงลงแดงตาย
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
สิ้นสุขโศกแบบเก่าให้เบาหาย
ปลิดใบร่วงหมดช่วงในยุคปลาย
หมดความหมายหลายหมายที่หมายตา
กลับมาอยู่นิ่งเงียบเรียบเรียบตอบ
เป็นทางชอบชีวิตจิตสง่า
หายใจลึกนึกดีมีปัญญา
กินแค่พอรู้ค่าว่าได้กิน
พูดแค่พอรู้จำในคำพูด
ที่กราวรูดลงแดงตะแคงดิ้น
คือจิตพล่านนานไปคงได้ชิน
นิจสินจำศีลทั้งเมืองแมน
แล้วแย้มพรายหลายคนบนโลกซ่อน
ที่เดิมซอนซุกตัวเหมือนชั่วแล่น
แต่แท้คือชีวิตติดคำแคลน
ก็ฉายตัวทั่วแดนถ้าแม้นมี
ที่เคยผิดติดดินกินโป่งป่า
ก็พ้นคำครหาว่าคนผี
ถึงคราวอดน้ำลดหมดครั้งนี้
ปลามากมีเกินมดจะอดปลา
---นลินมณี---
๗. พฤษภาคม ๒๕๖๓
สรรพสิ่งจึงไหวติงแค่รู้ไหว
ที่เคยวุ่นวอกแวกก็แตกไป
ที่เคยให้ค่าแพงลงแดงตาย
จบความหมายสมมติมนุษย์โลก
สิ้นสุขโศกแบบเก่าให้เบาหาย
ปลิดใบร่วงหมดช่วงในยุคปลาย
หมดความหมายหลายหมายที่หมายตา
กลับมาอยู่นิ่งเงียบเรียบเรียบตอบ
เป็นทางชอบชีวิตจิตสง่า
หายใจลึกนึกดีมีปัญญา
กินแค่พอรู้ค่าว่าได้กิน
พูดแค่พอรู้จำในคำพูด
ที่กราวรูดลงแดงตะแคงดิ้น
คือจิตพล่านนานไปคงได้ชิน
นิจสินจำศีลทั้งเมืองแมน
แล้วแย้มพรายหลายคนบนโลกซ่อน
ที่เดิมซอนซุกตัวเหมือนชั่วแล่น
แต่แท้คือชีวิตติดคำแคลน
ก็ฉายตัวทั่วแดนถ้าแม้นมี
ที่เคยผิดติดดินกินโป่งป่า
ก็พ้นคำครหาว่าคนผี
ถึงคราวอดน้ำลดหมดครั้งนี้
ปลามากมีเกินมดจะอดปลา
---นลินมณี---
๗. พฤษภาคม ๒๕๖๓
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
คุกโควิดติดคุกต้องถูกจับ
ไม่ได้ทำใดผิดติดร่างแห
แค่หายใจทำไมต้องใช้โขลน
มาชี้หน้าว่าเป็นโจรกลุ่มโชกโชน
ถูกจับโยนข้อหาอาชญากรรม
ไม่ได้ทำใดผิดติดคุกก่อน
คืนนี้นอนซังเตตลอดค่ำ
ต้องรอผลพิพากษาความระยำ
โทษประหารอาจนำมาให้เลย
แสนเสียดายวันวานที่หวานหอม
เคยนั่งล้อมอำเช่นเล่นเฉลย
ต่อแต่นี้ไม่มีที่เคยเคย
ต้องอยู่เฉยขังเดี่ยวเบี้ยวไม่มี
คุกโควิดติดคุกต้องถูกจับ
เฝ้ามองฝานั่งนับแต่วันที่
กินอาหารกันตายที่พอมี
ถูกกักขังอย่างนี้เพราะอะไร ?
"ถึงไม่ผิดเพื่อนก็ผิดพ่อก็ผิด
ปู่ย่าผิดติดมาแต่ไหนไหน
เจ็ดชั่วโคตรผิดมาและผิดไป
จะเอาไหมให้ประหารราญสิ้นตอ ?"
" ถ้าไม่อยากหั่นเหี้ยนอย่าหือหา
ปิดวาจาบ้าบอนะร้องขอ
มือที่ทำจำไว้ล้างให้พอ
ต่อคราบบาปแต่ชั้นพ่อที่จัญไร "
ไม่มีแล้ววันเก่าเก่าเหงาใจจัง
แอบมานั่งมองฝาน้ำตาไหล
คุกจำยอมขังตนต้องทนไป
จำใส่ใจในคุณค่าเวลามี
--- นลินมณี---
๓๐. เมษายน. ๒๕๖๓
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)