วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

อาหารกับการภาวนา

สำหรับผมแล้วความสำคัญของระบบสุขภาพไล่เรียงไปตามนี้ อากาศ น้ำ อาหาร การออกกำลังกาย ถ้าร่างกายเราไม่ขาดอากาศ ขาดน้ำ การกินอาหาที่ถูกต้องและการไม่กินอาหารบ้างเป็นครั้งคราวดีกว่ากินเต็มที่แล้วมาเบรินออกด้วยการออกกำลังกายมาก พอดีวันนี้พี่ชาย อาจารย์ เธียรชัย อิศรเดช ส่งบทสรุปเรื่องอาหารกับการภาวนามาให้อ่าน ผมเห็นว่าดีมีประโยชน์จึงขอแนบไว้ที่บล็อกนี้จ้ะ


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวานไปฟังงาน "อาหารกับการภาวนา" มาที่คณะอักษร จุฬา สรุปความได้ดังนี้ เอามาฝากครับ

จับความได้แค่ว่ามีความเชื่อผิดๆ ว่าอดน้ำอดข้าวแล้วตาย สายภาวนาธิเบตพิสูจน์ว่าไม่ตายแต่ต้องควบการภาวนาและกรรมวิธีพิเศษมีผลต่อการล้างพิษและใช้การอดเป็นเครื่องดูกายดูใจ ตรงนี้พอจะเข้าใจว่าทุกรกริยาของพระพุทธเจ้านั้นมีองค์ความรู้อยู่ ไม่ใช่อดเฉยๆ แบบที่เราเข้าใจ มีข้อมูลว่าหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เสวยวิมุติสุขก็อดอีก 49 วัน
คนเรากินด้วยความเคยชินแล้วแสวงหารสอร่อยตามการจดจำแต่รสอร่อยเกิดจากการสำนึกรู้และถูกสร้างขึ้นมา ความอร่อยที่แท้ต้องมาจากพลังชีวิตคือผักสดผลไม้สะอาดทั้งระบบ เพราะเรากิน "พลังชีวิต" ไม่ใช่ซากพืช อร่อยได้ด้วยการเคี้ยวนานกินช้า เราถูกหลอกโดยอุตสาหกรรมให้แสวงหาความอร่อยผ่านความลวงของน้ำตาลที่ต้องขยับปากไปเรื่อยๆ นี่เป็นอันตรายมหันต์ที่ต้องตัวใครตัวมัน น้ำตาลสร้างปัญหาให้ชีวิตในระบบกายภาพมากมาย
ดังนั้นจึงควรพิศดูอาหารแต่ละคำที่เข้าปากในฐานะสื่อแห่งการภาวนาและพิจารณาก่อนนำมาเข้าปากด้วยการใช้เกณฑ์คุณภาพของอาหารเรื่องพลังชีวิต อายุร้อยปีกิน 72,000 มื้อเพื่ออะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น