วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

คนไทยไร้รอยยิ้ม

เมื่อสักสิบปีที่แล้วผมพาแหม่มอังกฤษไปเที่ยวอยุธยา แหม่มสะกิดบอกผมบอกว่ายูรู้ไหมคนขาวเขาไม่ยิ้มให้กัน ผมก็บอกไม่รู้ แหม่มบอกงั้นเดียวไอลองให้ดู ระหว่างทางที่เราเดินไปแหม่มก็จ้องหน้าฝรั่งคนนั้นที คนนี้ที ทำท่าจะยิ้มให้แต่ไม่มีใครสนองตอบเธอเลยสักคน แหม่มหันมาถามผมเห็นไหม ๆ ผมก็พยักหน้าเออออไป คือผมไม่รู้จักวัฒนธรรมเขามากพอที่จะพูดอะไรได้ อีกครั้งหนึ่งผมพาหนุ่มฝรั่งนิวซีแลนด์ไปนั่งปูเสื่อกินอาหารทะเลตรงแหลมแท่น ชลบุรี แกมองไปรอบ ๆ แล้วบอกว่าแกทึ่งมากที่นิวซีแลนด์ถ้าคนออกมาอยู่ด้วยกันใกล้ ๆ กันแบบนี้มักจะมีเรื่อง ความจริงแกพูดต้องมีเรื่องด้วยซ้ำ ผมถามว่าทำไมแกบอกว่าแกก็ไม่รู้เหมือนกัน ใครที่มีความรู้เรื่องนี้เชิงลึกช่วยบอกผมด้วจ้ะ

สำหรับผมแล้วการเดินไปตามถนนหนทางในกรุงเทพนั้นยังไม่ยากนักที่จะหารอยยิ้ม แม่ค้าขายของ       วินมอร์เตอไซค์รับจ้าง สาวโรงงานมักยิ้มให้ผมเสมอ ถึงแม้บางที่เดิน ๆ อยู่จะมีคนเดินโผล่พรวดมาขวางทางและขอเงิน 10 20 บาทก็ตาม ผมเริ่มเห็นรอยยิ้มจืดจางไปในงานสัมมนาที่มีคนชั้นกลางกระทั่งสูงไปรวมตัวกัน การมองหน้าแล้วจะยิ้มให้กันเริ่มดูยากไปเรื่อย ๆ บางคนนั่งใกล้กันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันท้ายผมไม่เคยได้รอยยิ้มจากเขาเลย

วัน พฤ. ที่ 10 มี.ค 2559 ผมไปงานอบรมอีกแห่งหนึ่ง ผมก็ตั้งท่าแจกยิ้มเป็นการเปิดทางตามสไตล์ผม ปรากฎว่างานนี้รอยยิ้มทักทายหายากจนผมแปลกใจ แม้กิจกรรมกลุ่มซึ่งปกติงานอื่น ๆ จะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ได้ดีที่สุดก็ยังดูขลุกขลักอิหลักอิเหลื่อในการพูดกันไปเสียทุกกลุ่ม หรือสังคมเราจะดำเนินตามฝรั่งไปเสียทุกอย่างกันละจ๊ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นสังคมเราก็ป่วยมากแล้ว คุณดูสังคมที่จิตป่วยซี เขาลากป์นมายิงคนบริสุทธิ์กันดาษดื่น ผมภาวนาขออย่าให้เราป่วยหนักโคม่าแบบนั้นเลยจ้า มา ๆ ยิ้มให้กัน ช่วยกัน ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น