วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลูกทะเล

บางปะกงเป็นอำเภอสุดท้ายก่อนที่น้ำจากแม่น้ำบางปะกงจะไหลลงสู่ปากอ่าว สมัยก่อนปลามังกง (ชาวบ้านเรียกปลาอีกง) ซึ่งเป็นปลาวงศ์เดียวกับปลากดมีให้เห็นอยู่ดาษดื่น แต่ปัจจุบันที่อุตสาหกรรมเฟื่องฟูและชุมชนขยายตัวอย่างใหญ่โต น้ำเสียถูกปล่อยออกทางนั้นที ทางโน้นที ปลามังกงก็ค่อย ๆ หายไป สุดท้ายผมว่าปลามังกงคงเหลือแต่ชื่อจ้ะ คุณภาพน้ำที่แย่ลงทุกวัน ๆ นี้ ชาวบ้านที่เลี้ยงปลากระพงในกระชังก็เจ๊งไปเรื่อย ๆ เลิกราไปก็มาก ที่ดีหน่อยเห็นจะมีแต่สัตว์จากทะเลที่ลูกทะเลชาวบางปะกงจับมาขายสด ๆ ทุกวันที่ตลาดล่างบางปะกง

เพียงแต่ว่าชาวประมงพื้นบ้านนั้นจะอยู่ได้อีกสักกี่สิบปีผมไม่แน่ใจ สมัยก่อนสักสิบยี่สิบปีก่อนชาวบางปะกงนั้นใครมีลูกเขยทำเรือประมง คนเขาก็ว่าดี มีหน้ามีตา แต่ทุกวันนี้จะหาลูกเรือออกเรือไปด้วยกันจ่ายเขา 700 บาทยังไม่ค่อยมีคนเอา เพราะเขาต้องออกทะเลไปตั้งแต่ 4-5 โมงเย็นแล้วกลับมาราว ๆ ตี 5 ทำงานราว ๆ 12 ชั่วโมง คนไทยไม่ค่อยเอาแล้วจ้ะ ผมดูแล้วกลัวแต่ลูกทะเลจะค่อย ๆ หายไปเหมือนปลามังกงนะซีจ๊ะ เสียดาย เสียดาย

ช่วงนี้ที่สัตว์น้ำลดลงทั้งในทะเลและในแม่น้ำอาชีพอีกอย่างที่ซบเซาลงไปคืออาชีพเรือท่องเที่ยวดูปลาโลมา ช่วงที่ปลาดุกทะเลอุดมสมบูรณ์และน้ำทะเลหนุนจากปากอ่าวโลมาก็ตามมากินปลาดุกตอนหน้าหนาวแต่ปีนี้ไม่มีโลมา  ปลาบางอย่างก็ทนเค็มและมลพิษได้อย่างหน้าพิศวง ผมเห็นปลากดว่ายกันปร๋อเลยจ้ะ มีอยู่คราวหนึ่งผมเอาปลาดุก ปลาหมอ ปลาไนหย่อนไปพร้อมกันที่ท่าน้ำวัดบน ปลาดุกว่ายไปสบาย ๆ  ปลาหมอช็อคอยู่แปปก่อนคืนสติ แต่ปลาไนนี่ตายคาท่า สักเดือนตุลาคมปีที่แล้วนี่ผมเห็นคนตกปลาไหลน้ำจืดได้จากท่าเดียวกัน  ในแม่น้ำนั้นถ้าน้ำทะเลหนุนกุ้งแม่น้ำก็จะหนีไปตามแหล่งน้ำจืด พอน้ำจืดดันมาในหน้าฝนกุ้งก็จะตามมาอยู่ตามซอกหลืบ ตามตอม่อสะพานก็ยังพอหาได้เป็นปี ๆ ไป ผู้ใหญ่ที่นับถือกันบอกว่าตอนท่านเป็นเด็กดำไปชิมน้ำก้นแม่น้ำช่วงมีน้ำจืดดันน้ำเค็มนั้นน้ำผสมกัน บางทีข้างบนเค็มข้างล่างจืดก็มี

เขียนบันทึกใว้ให้คนรุ่นหลังอ่านและคืนนี้ลาคุณ ๆ ไปด้วยภาพแสงสุดท้าย ณ ลำน้ำบางปะกงจ้ะ






วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

ผักชุมชน 2 : บุษบาริมทาง

อาการร้อนอบอ้าวอย่างนี่้ต้นไม้ใบหญ้ากรอบเกรียมแย่เลยจ้ะ แต่ธรรมชาติเองก็ส่งดอกไม้สวย ๆ สีสันงดงามมาทำให้คุณ ๆ ใจคอชุ่มฉ่ำในช่วงหน้าร้อนหฤโหดนี้ไม่ว่าหางนกยูง ทองกวาว หรือดอกคูณ เมื่อครั้งผมยังเด็กผู้ใหญ่ที่สนใจสุขภาพอนามัยจะไม่ใช้แผ่นพลาสติกมาตากส้มลิ้ม เขาจะใช้ใบทองกวาวใบใหญ่ ๆ มายีส้มลิ้มแล้วตากจ้ะ นอกจากส่งดอกไม้สวย ๆ มาแล้วอีกสักพักพระเจ้าก็จะส่งฝนชะช่อมะม่วงมาให้คุณชุ่มฉ่ำบรรเทาร้อนก่อนสงกรานต์ คุณ ๆ ที่บอกร้อนจะเป็นบ้าขอให้รออีกนิดนึงนะ แต่อย่างไรปีนี้ก็แล้ง เราต้อง อดทน ๆ แล้วช่วยใช้น้ำกันอย่างประหยัดกันนะจ๊ะ

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและราคาที่ดินมีค่ามากอย่างนี้ เรามีแต่จะเห็นต้นไม้ใหญ่น้อยลง ๆ เมื่อเราหาที่สาธารณะบันเทิงเริงรมย์ใจได้ยาก พื้นที่ที่เรามีก็ควรจะใช้ให้คุ้มค่าวันนี้ผมขอชวนคุณปลูกบุษบาริมทางสักกอหรือสักกระถางสร้างความรื่นใจให้คุณที่บ้าน

ต้นนี้ปลูกกลางแดดจะเห็นใบยาวประมาณ 2 นิ้ว กอใหญ่สีม่วงสวยนะแต่เป็นดอกไม้แปลกคือสีเปลี่ยนตามแสง กอนี้เจอแดดสีเลยตก จะให้ดีก็ปลูกให้ได้แดดเช้าครึ่งวัน



เก็บยอดสดหรือผัดน้ำมันหอยก็อร่อย แต่ต้องปลูกแบบผักคือรดน้ำทุกวัน ได้ร่มบ้างจะได้ยอดอ่อน เก็บกินได้เฉพาะยอดจริงๆ จึงตีองปลูกเยอะ ถ้ามีดอก ใบจะแก่เกิน ตัองปลูกสองแบบ คือเอาดอก กับเอายอดกิน





บุษบาริมทาง เป็นไม้ที่มีคนเรียกแตกต่างกันไปเยอะจนน่าปวดหัวทั้ง บาหยา ยาย่า อ่อมแซบ 
ต้นด้านล่างผมเรียก บุษบาริมทางใบด่างจ้ะ 








 ดอกจัดแจกันได้ อยู่ได้ 3-5 วัน คุณให้แฟนจัดให้แล้วเอาไปตั้งที่ทำงานเก๋ไก๋ไปเลยแหละ การปลูกก็แสนง่ายทำได้ทั้งปักชำ ทั้งเอาเมล็ดโปรย มา ๆ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้คลายร้อนกัน






วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

คนไทยไร้รอยยิ้ม

เมื่อสักสิบปีที่แล้วผมพาแหม่มอังกฤษไปเที่ยวอยุธยา แหม่มสะกิดบอกผมบอกว่ายูรู้ไหมคนขาวเขาไม่ยิ้มให้กัน ผมก็บอกไม่รู้ แหม่มบอกงั้นเดียวไอลองให้ดู ระหว่างทางที่เราเดินไปแหม่มก็จ้องหน้าฝรั่งคนนั้นที คนนี้ที ทำท่าจะยิ้มให้แต่ไม่มีใครสนองตอบเธอเลยสักคน แหม่มหันมาถามผมเห็นไหม ๆ ผมก็พยักหน้าเออออไป คือผมไม่รู้จักวัฒนธรรมเขามากพอที่จะพูดอะไรได้ อีกครั้งหนึ่งผมพาหนุ่มฝรั่งนิวซีแลนด์ไปนั่งปูเสื่อกินอาหารทะเลตรงแหลมแท่น ชลบุรี แกมองไปรอบ ๆ แล้วบอกว่าแกทึ่งมากที่นิวซีแลนด์ถ้าคนออกมาอยู่ด้วยกันใกล้ ๆ กันแบบนี้มักจะมีเรื่อง ความจริงแกพูดต้องมีเรื่องด้วยซ้ำ ผมถามว่าทำไมแกบอกว่าแกก็ไม่รู้เหมือนกัน ใครที่มีความรู้เรื่องนี้เชิงลึกช่วยบอกผมด้วจ้ะ

สำหรับผมแล้วการเดินไปตามถนนหนทางในกรุงเทพนั้นยังไม่ยากนักที่จะหารอยยิ้ม แม่ค้าขายของ       วินมอร์เตอไซค์รับจ้าง สาวโรงงานมักยิ้มให้ผมเสมอ ถึงแม้บางที่เดิน ๆ อยู่จะมีคนเดินโผล่พรวดมาขวางทางและขอเงิน 10 20 บาทก็ตาม ผมเริ่มเห็นรอยยิ้มจืดจางไปในงานสัมมนาที่มีคนชั้นกลางกระทั่งสูงไปรวมตัวกัน การมองหน้าแล้วจะยิ้มให้กันเริ่มดูยากไปเรื่อย ๆ บางคนนั่งใกล้กันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันท้ายผมไม่เคยได้รอยยิ้มจากเขาเลย

วัน พฤ. ที่ 10 มี.ค 2559 ผมไปงานอบรมอีกแห่งหนึ่ง ผมก็ตั้งท่าแจกยิ้มเป็นการเปิดทางตามสไตล์ผม ปรากฎว่างานนี้รอยยิ้มทักทายหายากจนผมแปลกใจ แม้กิจกรรมกลุ่มซึ่งปกติงานอื่น ๆ จะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ได้ดีที่สุดก็ยังดูขลุกขลักอิหลักอิเหลื่อในการพูดกันไปเสียทุกกลุ่ม หรือสังคมเราจะดำเนินตามฝรั่งไปเสียทุกอย่างกันละจ๊ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นสังคมเราก็ป่วยมากแล้ว คุณดูสังคมที่จิตป่วยซี เขาลากป์นมายิงคนบริสุทธิ์กันดาษดื่น ผมภาวนาขออย่าให้เราป่วยหนักโคม่าแบบนั้นเลยจ้า มา ๆ ยิ้มให้กัน ช่วยกัน ๆ

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

เมื่อ Tinkerman เลิกคิดมาก

หลายสัปดาห์ก่อนผมได้ยินนักจัดรายการวิทยุพูดถึง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้จัดการทีมคนเก่งของสโมสร     ฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ และพูดถึงสมญาของ มร.รานิเอรี่ ว่า ติ๊งเก้อร์แมน ผมฟังทีแรกผมนึกว่าสมญาของเขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Thinker man เพราะบุคลิกของรานิเอรี่เองก็เป็นแบบนักคิดและนัก (ทำหน้า) เครียดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล แต่พอไปค้นดูปรากฎว่าไม่ใช่ ศัพท์ที่ถูกต้องคือ Tinkerman ซึ่งใช้ในภาษอังกฤษแบบอังกฤษ British English เท่านั้น  ศัพท์คำนี้แปลว่าผู้จัดการทีมหรือโค้ชที่ทำการทดลองโดยเปลี่ยนผู้เล่นหรือปรับรูปแบบการเล่นของทีมอยู่เรื่อย ๆ เกมต่อเกม 

ถึงแม้รานิเอรี่จะเป็นโค้ชมากฝีมือและเป็นที่รู้จักทั่วยุโรปแต่แกก็ไม่ดังมากในเมืองไทยนะจ๊ะ ผมพยายามหาประวัติแกจากวิกิพีเดียภาษาไทยปรากฎว่าไม่มี ผมจึงขอย่นย่อประวัติของแกมาให้คุณได้รับทราบกันดังนี้จ้ะ

1. รานิเอรี่ เป็นคนโรม อิตาลีโดยกำเนิด วันเกิดของน้าแกก็วันที่ 20 ตุลาคม 2494 แก่กว่าผมเยอะ
2. เหมือนกับโค้ชฟุตบอลส่วนใหญ่ รานิเอรี่ เป็นนักเตะมาก่อน เล่นเป็นกองหลัง น้าแกเริ่มเล่นกับโรม่า แต่ไม่เป็นที่ประทับใจของสโมสรนัก แกก็เลยย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเล็กอย่างคาตานซาโร่ คาตาเนีย ละ ปาแลโม่ เล่นตั้งแต่ปี 2516 ไปเลิกปี 2529 หรือปี ค.ศ. 1986 ปีนั้นมีบอลโลกและคุณ ๆ ที่เกิดไม่ทันขอให้ไปดูนัด บราซิล ปะทะ ฝรั่งเศส สุดยอดของความคลาสสิกเลยละจ้ะ
3. จากนั้นก็เริ่มงานโค้ชโดยเริ่มสร้างชื่อจากอิตาลีและสเปน ก่อนถูกเชลซีดึงตัวมารับงานในฤดูกาล 2543 - 2544  พอเข้าฤดูกาล 2545 - 46  แกก็เปลี่ยนทีมไปมาจนบางคนต้องกินแอสไพรินแถมผลงานก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ  ทำแบบนี้สื่ออังกฤษที่ปากจัดอยู่แล้วก็เริ่มเรียกคุณน้าว่า the Tinkerman 
อันนี้ต้องเข้าใจน้าแกหน่อยฟุตบอลอังกฤษที่อยู่ในสายเลือดดั้งเดิม มันเป็นแบบการถล่มทางอากาศโยนถล่มกันไปมาให้ศูนย์หน้าตัวใหญ่ ๆ คอยโขกถล่มประตู น้าแกมาจากภาคพื้นยุโรปที่ใช้กำลังภาคพื้นดินต่อบอลกันไปมาตามกลยุทธ์ก่อนเข้าทำก็ต้องคิดมากหน่อย และการทำทีมใหญ่ ๆ มันก็ใช้การหมุนเวียนนักเตะทั้งนั้น ก็อย่างว่าละผลงานไม่ดีซะอย่างทำอะไรก็ผิดไปหมด ผมว่าไอ้สมญา the Tinkerman นี่จริง ๆ ให้ หลุยส์ ฟาน กัลผู้จัดการทีมแมนยูคนปัจจุบันจะเหมาะที่สุดแกจัดทีมได้มั่วที่สุดในประวัติศาสตร์แมนยูเลยก็ว่าได้
4. พอออกจากเชลซีในปี 2547 แกก็พเนจรไปอยู่กับหลายสโมสรทั้งบาเลนเซีย ปาม่า  ยูเวนตุส โรม่า อินเตอร์  มิลาน และโมนาโค ไปทำทีมชาติกรีซอยู่พักนึง แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้แชมป์อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดีวูบ ๆ วาบ ๆ
5.พอถึงฤดูกาลนี้คือฤดูกาล 2558 - 2559 รานิเอรี่ถูกดึงตัวมาทำงานให้สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ที่มีเจ้าของคือกลุ่มคิง พาวเวอร์ของคนไทย
6. ด้วยทรัพยากรนักเตะที่จำกัดและฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา the Tinkerman เลิกคิดมากและใช้นักเตะชุดเดิมเสมอ ๆ ในแต่ละเกม
7. ยิ่งกว่าเทพนิยายปนไสยศาสตร์ โค้ชที่ไม่เคยพาทีมอะไรได้แชมป์ฟุตบอลลีกอย่างรานิเอรี่และทีมที่ไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดอย่างเลสเตอร์ กำลังจะได้แชมป์ร่วมกัน 

ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาแบบเทพนิยายหรือรักไม่สมหวัง ผมหวังว่า the Tinkerman จะมีความสุขในชีวิตบั้นปลายตลอดไปจ้า