วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ช้า


พี่หน่องขอตัววิรัติจากเครื่องดอง ของเมา ไลน์และเฟสไปใช้ชีวิตช้า ๆ ที่ไหนไม่ทราบ ผมลงกลอนเบา ๆ ใของพี่หน่องให้คุณอ่านในอาทิตย์ที่ชีวิตผมก็ดำเนินไปช้า ๆ จ้ะ
-----------------------------------------------------------------------
ช้าลงก็ช้าได้ ใช่ว่าไม่ถึงเป้าหมาย เร็วรีบถีบตัวไว
ใช่จุดหมายได้ดังหวัง ร้อนรนอย่างคนเมือง

 มากเปล่าเปลืองเรื่องทุกวัน ขยะล้วนที่กอบกันมีแต่ฟางมาอ้างเอา
 ช้าลงก็ช้าได้ ค่อย ๆ ให้ใจบรรเทา หายใจให้เบาเบา ใช่ปลิดปลงลงข้างทาง

ช้าแล้วที่ช้าลง ก็สุขอิ่มพริ้มไม่ต่าง
แต่จุดหมายยังอยุ่กลาง ระหว่างใจไม่เปลี่ยนแปลง

วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คุยเฟื่องเรื่องไวน์ 2

  คราวที่แล้วเราคุยถึงไวน์ดีราคาไม่แพงมากอย่าง Beaujolais แต่เรื่องมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ผมจึงขอต่อตอนที่สองจ้ะ

1.  โบเฌอเลส์ (Beaujolais) นั้นเป็นไวน์กลาง ๆ ระหว่างโบร์กันดี (Burgundy) กับ บอร์โดซ์ (Bordeaux) คือไม่หนักไปไม่เบาไป ถ้าเราไม่รู้จะเลือกอันไหนเพราะเราเป็นมือใหม่หัดดื่มก็เลือกโบเฌอเลส์ไว้ก่อนจ้ะ
2. ไวน์นั้นเราคิดว่าเก็บยิ่งนานยิ่งดีแต่  โบเฌอเลส์ นั้นเก็บไว้สองสามปีก็เริ่มจะเปลี่ยนรูปเป็นน้ำส้มไปแล้ว คุณอย่าทำเก๋าไปเลือก  โบเฌอเลส์ ปีเก่ามาก ๆ มากินละ ปล่อยให้พวกฝรั่งชาติอื่นเขากินกัน บางชาติเขาชอบ
3.  โบเฌอเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) เป็น โบเฌอเลส์ใหม่ที่ออกมาทุกปีเพื่อการเฉลิมฉลอง ขณะที่เยอรมันดื่มเบียร์ช่วงเดือนตุลาคม คนฝรั่งเศสเขาก็เริ่มจะดื่มโบเฌอเลส์ นูโว กันละ
4.  โบเฌอเลส์ นูโว นั้นเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ถ้าคุณมีก๊วนกอล์ฟเป็นชาวญี่ปุ่น ลองถามเขาดูสิ
5.  ไอ้รสนิยมนี่มันบอกกันยากจริง ๆ ว่ากันว่าคนอังกฤษชอบกิน บอร์โดซ์ไวน์เพราะลื่นปรื๊ด ๆ อันนี้ผมฟังเขามายังไม่ได้ถาม
6. เนื่องจากบอร์โดซ์ไวน์นั้นมันเบา ๆ ลื่น ๆ มือใหม่หัดดื่มบางคนก็ชอบมัน
7. โบร์กันดีนั้นเป็นไวน์หนักประมาณเอาน้ำมะเขือเทศกล่องมาละลายน้ำจะรู้สึกเหมือนมีเนือมีหนังแบบนั้น มีรสชาติผสมอลหม่านกันอยู่ในนั้น เซียนไวน์บางท่านบอกต้องโบร์กันดีไวน์เท่านั้น เหมือนชามั๊งจ๊ะ ชาอู่หลงชั้นยอดมีมากมายแต่ผมรักผู่เอ๋อเท่านั้น
8. ถ้าคุณขึ้นชั้นเป็นเซียนไวน์แล้วคุณจะไปอยู่ฟากใดฟากหนึ่งระหว่างโบร์กันดีไวน์ กับ บอร์โดซ์ไวน์
เอ่อ! อย่าว่าอะไรผมเลยจ้ะผมประมวลความรู้นิดหน่อยเติมเองดังนี้

Bordeaux is the wine of kings, Burgundy is the king of wines


วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ประโยชน์ของ "กะปิ" 10 ข้อ

คุณอาส่งเรื่องกะปิมาให้ผมอ่าน มีที่อ้างอิงเรียบร้อย ผมในฐานะแฟนกะปิและกุ้งเคย ขอนำข้อมูลส่งต่อให้คุณ ๆ แบบไม่รีรอเลยจ้ะ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------


อ่านแล้วแชร์เก็บไว้เลย!! ประโยชน์ของ "กะปิ" 10 ข้อ ที่รู้เเล้วต้องอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะดีขนาดนี้


คำว่า "กะปิ" ในภาษาไทยมาจากคำในภาษาพม่าว่า "ง่าปิ" แปลว่า "ปลาหมัก"

ในประเทศไทย มีกะปิมากมายหลายชนิดให้เลือกรับประทาน กะปิแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ กรรมวิธีผลิต ตามแต่ท้องถิ่นนั้น ๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากกุ้งเคย ซึ่งมีมากในแทบชายฝั่งทะเลอันดามัน จึงทำให้มีการผลิตกะปิในหลาย ๆ แห่ง ในพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเล

กะปิ (Shrimp paste หรือ Shrimp sauce) เป็นเครื่องปรุงรสอย่างหนึ่งที่แพร่หลายในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทย มีกะปิมากมายหลายชนิดให้เลือกรับประทาน

กะปิ แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ กรรมวิธีผลิต ตามแต่ท้องถิ่นนั้นๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากกุ้งเคย ซึ่งมีมากในแทบชายฝั่งทะเลอันดามัน จึงทำให้มีการผลิตกะปิในหลายๆแห่งในพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเล

1. บำรุงกระดูก แคลเซียมจะถูกปลดปล่อยจากกะปิถ้าผ่านความร้อน เช่น ตอนปิ้งกะปิหรือทำข้าวคลุกกะปิด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ถ้าเบื่อดื่มนมมากก็ขอให้ลองหากะปิมาทานบ้างเพราะให้แคลเซียมมากกว่านมวัวหลายเท่านัก

2. ถูกกับเลือดจาง กะปิมีวิตามินบี 12 ซึ่งต้องได้จากภายนอกเท่านั้ ร่างกายเราสร้างเองไม่ได้ แต่มีในกะปิ วิตามินชนิดนี้ดีกับเลือดมาก หากขาดจะทำให้ป่วยเลือดจางได้เช่นเดียวกับท่านที่กินมังสวิรัติ

3. ไม่ให้ร้างฟัน มีการศึกษาโดยคุณหมอฟันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า กะปิที่ผ่านความร้อนช่วยให้ฟันไม่ผุ ทำให้ชาวใต้ที่รับประทานกะปิและน้ำบูดูบ่อย ไม่ค่อยพบปัญหาฟันผุฟันสึกมากเหมือนพี่น้องภาคอื่น ๆ

4. บำรุงมันปลา มีน้ำมันโอเมก้า 3 ชนิดเดียวกับที่อยู่ในปลาน้ำลึกมาก เพราะเป็นตัวแม่ที่แท้จริงที่สร้างน้ำมันดีชนิดนี้ แถมมีมากและดูดซึมได้ดีด้วย ลองช่วยกินสลับกับปลาสดบ้างก็ดี ไม่ต้องกลัวธาตุเค็ม หรือ โซเดียม เกินจากกะปิ เพราะถ้าเทียบกันแล้วอาหารใกล้ตัวหลายอย่างมีมากกว่า อย่างปลาเค็ม ไส้กรอก แหนมและขนมกรุบ กรอบใส่ผงชูรส

5. หาจุลินทรีย์ เป็นเชื้อดีที่หมักอยู่ในกะปิมีสารพัดจุลินทรีย์ที่ช่วยเป็น ?โปรไบโอติกส์? ในลำไส้ เสริมภูมิให้เชื้อผู้ร้ายไม่มาแผ้วพาน แต่ข้อสำคัญคือต้องเลือกกะปิที่สะอาดดีจริงไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพิ่มเชื้อร้ายให้ท้องไส้เสียกันไปได้

6. มีป้องกันตามีแอนตี้ออกซิแดนท์สำคัญคือ แอสตาแซนทิน กินแล้วช่วยคลายเครียดให้ตา ให้ไม่เหนื่อยล้าเมื่อยตา และล้างสนิมแก่ออกจากตาได้ดี

7. พาวิตามินดี นอกจากแสงแดดแล้วกะปิเป็นแหล่งวิตามินดีที่แสนดีที่นอกจากช่วยกระดูกแล้ว ยังช่วยคลายเครียดให้อารมณ์ผ่องใสได้ เพราะคนที่ไร้วิตามินดีมาก ๆ นั้นจะมีอารมณ์ออกไปทางซึมเศร้าเฉาชีวิต

8. ไม่มีเลือดหนืด ด้วยอานิสงส์จากน้ำมันดีในกะปิอีกแล้วที่ช่วยหล่อลื่นให้เลือดไหลปรูดปราดไม่ขาดช่วง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันตามที่สำคัญอย่างหัวสมองและหัวใจ ออกฤทธิ์คล้าย ๆ พี่ใหญ่แอสไพรินทีเดียว

9. ไม่จืดความคิด โอเมก้า 3 ช่วยหล่อลื่นให้สมองแล่นไวเหมือนกับได้น้ำมันออโต้ลู้บบำรุงสมอง และน้ำมันในกะปิเป็นของที่ละลายผ่านไขมันได้ดี จะช่วยบำรุงส่วนประสาทที่มีชั้นไขมันเคลือบอยู่ได้มาก

10. พิชิตโรคใจ ทั้งปกป้องห้องหัวใจและป้องกันหัวสมองที่เป็นดั่งดวงใจ ยกเว้นว่าอย่าทานเค็มจัดเกินไปเพราะในกะปิมีตัวช่วยสำคัญคือน้ำมันที่ช่วยหลอดเลือดอยู่ ทั้งในสมองและหัวใจเป็นเสมือนชุมทาง

ข้อมูลจาก: โรงพยาบาลราชวิถี / อ้างอิงจากเพจ: หมอสารภี รักในหลวง / Photo : flickr / Robin Follow

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คุยเฟื่องเรื่องไวน์

  วันนี้ผมขอนอกลู่นอกทางพาคุณแวะเวียนไปคุยเรื่องเครื่องดองของเมาสักวัน ในฐานะที่มีหัวหน้าเป็นคนฝรั่งเศสและมีอาเขยเป็นคนฝรั่งเศสมหาอำนาจของไวน์เขาพูดอะไรมาผมก็จด ๆ ไว้เป็นความรู้ให้คุณ ๆ กันจ้ะ

1. ไวน์นั้นกินคู่กับอาหารจำเพาะ และอาหารฝรั่งเศสดั้งเดิมนั้นจานใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่า แม้นว่าจะไม่ใหญ่เท่าอาหารอเมริกันก็ตามทีจ้ะ อาหารฟิวชั่นสมัยใหม่นั้นเขาต้องการลดปริมาณแคลอรี่เขาก็ลดปริมาณอาหารกลายเป็นกิ๊บเก๋ยูเรก้า แต่คนฝรั่งเศสรุ่นเก่า ๆ เขารับไม่ได้ อาหารฝรั่งเศสบางอย่างทำกันครึ่งวันค่อนวัน (แบบว่ามึงจะเคี่ยวจะคนอะไรกันหนักหนา - ผู้เขียน)
2.ไวน์แดงนั้นกินที่อุณหภูมิห้องบ้านเขาคือ 18 ถึง 20 องศาเซลเซียส บ้านเราร้อนตับแตกคงต้องหาตู้แช่หน่อย แต่ถ้าแบบกินอะไรก็เมาจะแช่น้ำแข็งแช่ตู้เย็นก็แล้วแต่คุณจ้ะ เอาที่สบายใจเลยก็แล้วกัน
3. ไวน์ขาวต้องกินแบบ chill chill นะจ๊ะคือต้องแช่ถังน้ำแข็งแบบที่เราเห็นกันทั่วไปนั่นแหละ
4. ไวน์ที่ดีที่สุดในโลกคือที่ฝรั่งเศสกับแคลิฟอร์เนียเท่านั้น คือเขาใช้ต้นองุ่นสายพันธุ์เดียวกันวิธีการผลิตเดียวกัน ภูมิอากาศเดียวกัน และตอนต้นองุ่นที่ฝรั่งเศสถูกน้ำท่วมตายหมดเขาต้องไปเอาพันธุ์ดั้งเดิมกลับมาจากแคลิฟอร์เนีย คือองุ่นพันธ์ุดีที่สุดต้นที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับทำไวน์นั้นอยู่ที่แคลิฟอร์เนียไม่ใช่ฝรั่งเศสจ้ะ
5. ไวน์ (กับชีส) ในฝรั่งเศสนั้นถูกมากขวดละสองสามร้อยบาทก็ได้ของดีแล้ว ถามเขาว่ายี่ห้อไหนดีเขาบอก Beaucjolais
6. ในเมื่อคุณหาของดี ๆ ราคาถูกกินไม่ได้ในเมืองไทยแต่คุณไม่มีสตางค์ ไวน์โลกที่สามขวดละสองสามร้อยบาทบ้านเรานั้นต้องของชิลีจ้ะ หลีกหนีไวน์ออสเตรเลียกับอิตาลีเพราะพวกนี้ทำไวน์ออกมาหวาน
7. ไวน์ชั้นยอดนั้นตามทฤษฎีเแล้วต้องดื่มให้หมดขวด เพราะไม่อย่างนั้นรสชาติมหาเทพจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าคุณกินไวน์ถูก ๆ อยู่แล้วกินไม่หมดก็ปิดจุกใส่ตู้เย็นได้ รสชาติคงไม่แย่ไปกว่าเดิมมากนัก ฝรั่งก็ทำกันถมเถไป
8. ไวน์ปลอมจากจีนนั้นมีมาก เอายี่ห้ออะไรดีละ ระวังตัวกันนะจ๊ะ
9. ผมว่าเอง - ไวน์นั้นเรื่องมากนักต้องดูจุกดูฝา ต้องจับต้องดมต้องโชว์เหนือหลายอย่าง ผมไม่ชอบจ้ะผมเป็นคนสบาย ๆ ผมเรื่อย ๆ
10. ขวดด้านล่างนั้นผมใช้ความรู้เท่าหางอึ่งเลือกให้น้องชาย คณบดี ศิวัตม์ กมลคุณานนท์ ดื่มเมือปีที่แล้วจ้า