ตอนนี้เป็นช่วงที่น้อง ๆ มัธยมศึกษาปีที่หกกำลังจะจบการศึกษา หลาย ๆ คนก็ได้ที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแล้วจากการสอบโควต้าบ้าง จากการรับตรงบ้าง หลาย ๆ คนก็กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ GAT PAT เพื่อนำคะแนนไปยื่น Admission ผมอาจจะเขียนบล็อกนี้ช้าไปนิด แต่คิดว่าไม่สายเกินไป น้อง ๆ และคุณ ๆ ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะยังคิดไม่ตกว่าตัวเองหรือลูกของเราควรจะเลือกเรียนอะไรดี คำตอบสั้น ๆ ของผมคือขอให้เลือกเรียนตามความถนัด ตามธรรมชาติและตามสิ่งที่เรา คือน้อง ม.6 ชอบจ้ะ ผู้ปกครองเมืองไทยส่วนมากที่ผมได้พูดคุยด้วยตั้งแต่ผมสอบเอ็นทรานซ์จนกระทั่งเวลาผ่านเนิ่นนานมาจนบัดนี้ก็ยังมีความคิดดั้งเดิมอยู่ว่าอยากจะให้ลูกเรียนสาขาที่จบแล้วมีงานทำแน่ ๆ จบแล้วทำงานได้เงินดี ๆ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสาขาที่ลูกเราจะเลือกเรียนนั้นเป็นสาขาที่เขาทำงานและมีความสุขในอนาคต น้อง ๆ วิศวะหลายคนที่ผมรู้จักบอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกเรียนบริหารงานบุคคลเพราะเขาชอบพบปะผู้คนไม่ใช่เครื่องจักร น้องหลายคนที่มีความสามารถทางศิลปะกลับต้องผันตัวเองไปเรียนคณะวิทย์เพราะกลัวตกงาน หลายคนจลเทคนิคการแพทย์ จบเภสัช แล้วต้องไปตั้งต้นเรียนแพทย์ใหม่เพราะเมื่อทำงานจริง ๆ แล้วเพิ่งค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นแพทย์ คุณไปดูรูปที่อาจารย์เฉลิมชัยเขียนสมัยที่อาจารย์เป็นนักศึกษาที่ตั้งแสดงไว้ที่วัดร่องขุ่นซีจ๊ะมันไม่ได้วิลิศมาหราอะไรมากมายเลย การเรียนรู้ฝึกฝนและจดจ่อกับงานที่เรารักต่างหากละที่จะทำให้เราเป็นยอดคน มีเคสอยู่เคสหนึ่งที่ผมชอบมากคือลูกคนรู้จักอยากเรียนทำอาหารแต่พ่อ แม่ไม่ยอม คือพ่อ แม่ทำงานโรงงานไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเรียนทางนี้เลย ลูกก็อ้อนวอนรบเร้าขอไปเรียนจนได้ เรียนไปเรียนไปด้วยความที่แกมีความรัก ความเก่งทางนี้ มหาวิทยาลัยในจีนก็ให้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่เมืองจีนเป็นที่เรียบร้อย พ่อ แม่ ได้แต่ยิ้มเพราะชีวิตนี้ลูกไปไกลเกินพ่อ แม่ฝันแล้วหล่ะ
คุณ ๆ ที่รักจ๊ะวิชาชีพทุกวิชาชีพ มีเกียรติ มีศักศรีดิ์ความดีและความงาม ขอให้คุณรักและคุณทุ่มเทกับงาน รักษาจรรยาของวิชาชีพ คุณจะไปได้ดีและมีความสุขจ้ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น