หลายปีมาแล้วคุยกันกับพี่หน่องเธียรชัย อิศรเดช ว่าคนโบราณทำอะไรนี่มันเลิศ ลึกและล้ำ มีอารมณ์ร่ายบทกวีงาม ๆ ประดับโลกไว้ พี่หน่องบอกว่าคนโบราณชีวิตมันไม่รีบร้อน เร่งรัดขนาดนี้ มีเวลาทำอะไรให้ลึกให้ละเอียดให้ดีให้งาม หลายอาทิตย์ที่แล้วพี่หน่องคงมีเวลาและอารมณ์จึงส่งกลอนมาในกลุ่ม ผมนั้นถึงจะมีอารมณ์แต่ก็เพิ่งจะมีเวลา วันนี้จึงขอนำมาลงประดับโลกไว้ในบล็อกนี้จ้ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อยากมีสักพันมือเอาไว้ยื้อชีวิตคน อยากมีสักพันตนไว้แก้จนคนทั้งหลาย
อยากอยู่อีกพันปีมีชีวีที่ไม่ตาย ดับโลกที่วุ่นวายให้มลายในมือเรา
แต่นี้นะชีวิตแค่เพียงคิดก็โง่เขลา สังขารก็บางเบาเพียงไม้ฟาดก็อาจตาย
เวลาในชีวิตแค่นั่งคิดก็ลบหาย รำไรวันสุดท้ายที่ปลายทางวางไว้แล้ว
สองมือที่ถือจอบแม้ใจชอบก็ใจแป้ว บ่ายเย็นมองเห็นแกวจะค่ำแล้วนะตัวเรา
สองขาที่พาเดินไม่เพลิดเพลินอย่างก่อนเก่า แข้งขาต้องบรรเทาได้หยูกยาหาทาไป
รำไรในชีวิตที่นั่งคิดมาแต่ไหน อยากเห็นป่าในใจ ได้อวดโฉมประโลมชม
กี่วันหรือพันปีอันป่านี้จะได้ดม ซึ่งดอกหอมที่ล้อมลม ประสมเสียงสำเนียงไพร
สิิ้นใจในวงป่า แหงนมองฟ้าสาแก่ใจ มืดแล้วหรือไฉนใยหมอกมิดและเงียบงัน
ดิ่งจมในความมืดและความเงียบเย็นเฉียบนั่น ตื่นตาหรือว่าฝันไม่รู้วันไม่รู้คืน
แต่ป่าในหัวใจยังโบกไหวให้ได้ชื่น หลับนี้ที่ยั่งยืนไม่ขอตื่นชั่วนิรันดร์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายชายทะเล
เมื่อเสียใจในน้ำคำจากมวลมิตร ที่คิดต่างมองต่างอย่างห่างเห
เมื่อคนใกล้ที่ให้ใจมาจำเจ สุดคะเนความลึกนึกคิดคน
ในความเหมือนมีห่างจากทางเหมือน ในผองเพื่อนมีแผกแยกถนน
ในยิ้มแย้มแฉล้มชื้นยังคืนตน ในความใกล้ก็ห่างจนพ้นคะเน
เหมือนความรักที่ลักลอบแอบตอบรัก หลงสมัครรักชอบครอบเสน่ห์
ให้หลงใหลในรสรุ้งจรุงเล่ห์ พอหมดรสก็คดเทกรวดคว่ำใจ
ที่หลงเหลือให้เห็นเป็นเช่นหาด ที่คลื่นสาดฟาดเกลียวเทียวซ้ำให้
ไม่มีรอยสักน้อยเดียวในเสี้ยวใจ ให้พอเห็นว่าเป็นไรรอยไม้เรียว
แต่โดดเดี่ยวเหมือนเกลียวคลื่นกลางหมื่นคลื่น ที่ยกตัวแตกตื่นในคืนเสี้ยว
พอลับหลังก็ลับหายล้วนคลายเกลียว เป็นหนึ่งเดียวในเนื้อน้ำตามกันมา
พออีกเดี๋ยวก็เกลียวคลื่นฟื้นชีวิต มุ่งพิชิตพินิจฝั่งยังข้างหน้า
พอถึงหาดก็ฟาดครืนสะอื้นครา แล้วซึมหายกับทรายซาหน้าทะเล
ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายแล้วหายไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อยากมีสักพันมือเอาไว้ยื้อชีวิตคน อยากมีสักพันตนไว้แก้จนคนทั้งหลาย
อยากอยู่อีกพันปีมีชีวีที่ไม่ตาย ดับโลกที่วุ่นวายให้มลายในมือเรา
แต่นี้นะชีวิตแค่เพียงคิดก็โง่เขลา สังขารก็บางเบาเพียงไม้ฟาดก็อาจตาย
เวลาในชีวิตแค่นั่งคิดก็ลบหาย รำไรวันสุดท้ายที่ปลายทางวางไว้แล้ว
สองมือที่ถือจอบแม้ใจชอบก็ใจแป้ว บ่ายเย็นมองเห็นแกวจะค่ำแล้วนะตัวเรา
สองขาที่พาเดินไม่เพลิดเพลินอย่างก่อนเก่า แข้งขาต้องบรรเทาได้หยูกยาหาทาไป
รำไรในชีวิตที่นั่งคิดมาแต่ไหน อยากเห็นป่าในใจ ได้อวดโฉมประโลมชม
กี่วันหรือพันปีอันป่านี้จะได้ดม ซึ่งดอกหอมที่ล้อมลม ประสมเสียงสำเนียงไพร
สิิ้นใจในวงป่า แหงนมองฟ้าสาแก่ใจ มืดแล้วหรือไฉนใยหมอกมิดและเงียบงัน
ดิ่งจมในความมืดและความเงียบเย็นเฉียบนั่น ตื่นตาหรือว่าฝันไม่รู้วันไม่รู้คืน
แต่ป่าในหัวใจยังโบกไหวให้ได้ชื่น หลับนี้ที่ยั่งยืนไม่ขอตื่นชั่วนิรันดร์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายชายทะเล
เมื่อเสียใจในน้ำคำจากมวลมิตร ที่คิดต่างมองต่างอย่างห่างเห
เมื่อคนใกล้ที่ให้ใจมาจำเจ สุดคะเนความลึกนึกคิดคน
ในความเหมือนมีห่างจากทางเหมือน ในผองเพื่อนมีแผกแยกถนน
ในยิ้มแย้มแฉล้มชื้นยังคืนตน ในความใกล้ก็ห่างจนพ้นคะเน
เหมือนความรักที่ลักลอบแอบตอบรัก หลงสมัครรักชอบครอบเสน่ห์
ให้หลงใหลในรสรุ้งจรุงเล่ห์ พอหมดรสก็คดเทกรวดคว่ำใจ
ที่หลงเหลือให้เห็นเป็นเช่นหาด ที่คลื่นสาดฟาดเกลียวเทียวซ้ำให้
ไม่มีรอยสักน้อยเดียวในเสี้ยวใจ ให้พอเห็นว่าเป็นไรรอยไม้เรียว
แต่โดดเดี่ยวเหมือนเกลียวคลื่นกลางหมื่นคลื่น ที่ยกตัวแตกตื่นในคืนเสี้ยว
พอลับหลังก็ลับหายล้วนคลายเกลียว เป็นหนึ่งเดียวในเนื้อน้ำตามกันมา
พออีกเดี๋ยวก็เกลียวคลื่นฟื้นชีวิต มุ่งพิชิตพินิจฝั่งยังข้างหน้า
พอถึงหาดก็ฟาดครืนสะอื้นครา แล้วซึมหายกับทรายซาหน้าทะเล
ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายแล้วหายไป