วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

กลอนยามว่าง

หลายปีมาแล้วคุยกันกับพี่หน่องเธียรชัย อิศรเดช ว่าคนโบราณทำอะไรนี่มันเลิศ ลึกและล้ำ มีอารมณ์ร่ายบทกวีงาม ๆ ประดับโลกไว้ พี่หน่องบอกว่าคนโบราณชีวิตมันไม่รีบร้อน เร่งรัดขนาดนี้ มีเวลาทำอะไรให้ลึกให้ละเอียดให้ดีให้งาม หลายอาทิตย์ที่แล้วพี่หน่องคงมีเวลาและอารมณ์จึงส่งกลอนมาในกลุ่ม ผมนั้นถึงจะมีอารมณ์แต่ก็เพิ่งจะมีเวลา วันนี้จึงขอนำมาลงประดับโลกไว้ในบล็อกนี้จ้ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อยากมีสักพันมือเอาไว้ยื้อชีวิตคน อยากมีสักพันตนไว้แก้จนคนทั้งหลาย
 อยากอยู่อีกพันปีมีชีวีที่ไม่ตาย ดับโลกที่วุ่นวายให้มลายในมือเรา

แต่นี้นะชีวิตแค่เพียงคิดก็โง่เขลา สังขารก็บางเบาเพียงไม้ฟาดก็อาจตาย
เวลาในชีวิตแค่นั่งคิดก็ลบหาย รำไรวันสุดท้ายที่ปลายทางวางไว้แล้ว

สองมือที่ถือจอบแม้ใจชอบก็ใจแป้ว บ่ายเย็นมองเห็นแกวจะค่ำแล้วนะตัวเรา
สองขาที่พาเดินไม่เพลิดเพลินอย่างก่อนเก่า แข้งขาต้องบรรเทาได้หยูกยาหาทาไป

รำไรในชีวิตที่นั่งคิดมาแต่ไหน อยากเห็นป่าในใจ ได้อวดโฉมประโลมชม
กี่วันหรือพันปีอันป่านี้จะได้ดม ซึ่งดอกหอมที่ล้อมลม ประสมเสียงสำเนียงไพร

สิิ้นใจในวงป่า แหงนมองฟ้าสาแก่ใจ มืดแล้วหรือไฉนใยหมอกมิดและเงียบงัน
ดิ่งจมในความมืดและความเงียบเย็นเฉียบนั่น ตื่นตาหรือว่าฝันไม่รู้วันไม่รู้คืน
แต่ป่าในหัวใจยังโบกไหวให้ได้ชื่น หลับนี้ที่ยั่งยืนไม่ขอตื่นชั่วนิรันดร์

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
 ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายชายทะเล

เมื่อเสียใจในน้ำคำจากมวลมิตร ที่คิดต่างมองต่างอย่างห่างเห
เมื่อคนใกล้ที่ให้ใจมาจำเจ สุดคะเนความลึกนึกคิดคน

 ในความเหมือนมีห่างจากทางเหมือน ในผองเพื่อนมีแผกแยกถนน
 ในยิ้มแย้มแฉล้มชื้นยังคืนตน ในความใกล้ก็ห่างจนพ้นคะเน

 เหมือนความรักที่ลักลอบแอบตอบรัก หลงสมัครรักชอบครอบเสน่ห์
 ให้หลงใหลในรสรุ้งจรุงเล่ห์ พอหมดรสก็คดเทกรวดคว่ำใจ

 ที่หลงเหลือให้เห็นเป็นเช่นหาด ที่คลื่นสาดฟาดเกลียวเทียวซ้ำให้
 ไม่มีรอยสักน้อยเดียวในเสี้ยวใจ ให้พอเห็นว่าเป็นไรรอยไม้เรียว

 แต่โดดเดี่ยวเหมือนเกลียวคลื่นกลางหมื่นคลื่น ที่ยกตัวแตกตื่นในคืนเสี้ยว
 พอลับหลังก็ลับหายล้วนคลายเกลียว เป็นหนึ่งเดียวในเนื้อน้ำตามกันมา

 พออีกเดี๋ยวก็เกลียวคลื่นฟื้นชีวิต มุ่งพิชิตพินิจฝั่งยังข้างหน้า
 พอถึงหาดก็ฟาดครืนสะอื้นครา แล้วซึมหายกับทรายซาหน้าทะเล

 ในบางคราวไม่ได้ร้าวอย่างคราวรัก แต่ใจแสบแทบกระอักสำลักสั่น
 ในบางคราวไม่ได้นองสองตาพลัน แต่เหมือนฝันซัดทรายแล้วหายไป

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

บานไม่รู้โรยป่า

มีสมุนไพรใกล้ตัวอยู่ต้นหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้จักมาได้สองสามปี เหตุก็มาจากวันหนึ่งอาเขยผมเห็นลุงแก่ ๆ มาเดินเก็บหญ้าอยู่ริมทาง  อาเขยผมก็สัมภาษณ์อีตาลุงว่ามาท่อม ๆ เก็บหญ้าไปทำไม แกบอกมาเก็บดอก "บานไม่รู่โรยป่า" ไปชงน้ำกิน เสร็จแล้วแกก็ยื่นต้นมันให้ดู แกบอกว่าแกเป็นคนอีสานหรือใต้จำได้ไม่ถนัด แถวบ้านแกใช้ต้น ดอกและรากตากแห้งมาต้มน้ำกิน โรคภัยไม่มาถามหาแกแก่มากแล้วก็ยังแข็งแรงปึ๋งปั๋งดี ประสบการณ์สำคัญคือญาติแก่ป่วยอยู่โรงพยาบาลอาการหนักเสมหะเต็มปอด แกเอาน้ำต้มนี่ค่อย ๆ ทยอยหยอดให้กิน เสลดหลุดออกมาเยอะมาก ๆ จนญาติแกหายเป็นปกติ

ต้นเป็นอย่างไรผมถ่ายรูปมาให้คุณดูด้านล่างนี้จ้ะ






หลังฟังลุงโฆษณาอาเขยผมก็เก็บ "บานไม่รู่โรยป่า" มาต้มกินมั่ง ปรากฏผลดีตามคำตาลุง คือปัสสาวะดีไม่มีติดขัด ปัสสาวะขาว ใส ไม่ต้องออกแรงเบ่ง ขับเสลดเป็นเลิศ และร่างกายแข็งแรงดีมาก ๆ
ลองเสริชกูเกิ้ลดูบางตำราว่าแก้เบาหวานได้อีกด้วย ผมในฐานะนักดื่มชาลองเอามาต้มกินแล้วทั้งสีทั้งกลิ่นดีทีเดียวเลยจ้ะ คือถึงเขาจะขึ้นเรี่ยดินเขาก็เป็นดอกไม้ มีกลิ่นหอมของดอกไม้ เหมือนเราต้มดอกเก็กฮวยแล้วได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ สรรพคุณดีอย่างนี้เข้าตำราว่ากินไปนาน ๆ ตาคุณจะดีอีกขึ้นอีกด้วย

วิธีเก็บก็ง่าย ๆ เลยจ้ะ  คุณถอนเขาทั้งราก เก็บมาทั้งรากต้นดอก เอามาล้างน้ำหลาย ๆ น้ำให้หมดดิน เอามาตากแดดให้แห้งเก็บไว้ได้นานเป็นปี ภาพด้านล่างนั่นเป็นแบบตากแดดแล้ว อาผมเขาเก็บมาให้ เวลาต้มคุณก็ใส่น้ำให้ท่วมต้มให้เดือดสักสามนาทีห้านาทีให้รสและกลิ่นออกมา กินอุ่น ๆ สักครึ่งแก้วก่อนนอน หรือจะกินต่างน้ำชาก็ได้ไม่ว่ากัน ยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง คุณประหยัดสตางค์ในการซื้อชาและได้สุขภาพดีกลับมาด้วยแบบนี้ดีเลยจ้า